เคยสงสัยบ้างหรือไม่ ทำไม เวลาเราเห็นสินค้าบางอย่าง เราจะนึกถึงชื่อประเทศที่ผลิตสินค้านั้น ทั้งที่บางที ก็มีหลายประเทศที่ผลิตเหมือนกัน เช่น ถ้านึกถึงรถยนต์ เราจะนึกถึงเยอรมัน ถ้านึกถึงนาฬิกา เราจะนึกถึงสวิตเซอร์แลนด์ ทำไมประเทศเหล่านี้ถึงมีจุดเด่นแบบนั้น จนเป็นที่รู้จักของทั่วโลก หนังสือ “ Branding the nation สร้างแบรนด์ แทนประเทศ” ของลงทุนแมนมีคำตอบค่ะ ในหนังสือเล่มนี้ เขาจะพูดถึงประเทศทั้งหมด 17 ประเทศ ที่สามารถสร้าง “แบรนด์” สินค้าและบริการ จนเป็นสัญลักษณ์แทนประเทศนั้นไปในที่สุด ซึ่งก็มีทั้งประเทศยุโรปและเอเชัย ขอยกตัวอย่างบางประเทศที่ตัวเองชอบ พอเป็นน้ำจิ้ม เช่นเยอรมัน ต้องบอกว่าประเทศเยอรมันน่าจะเป็นประเทศที่มีวิทยาการก้าวหน้าในสินค้าหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเคมี วิศวกรรม หรือรถยนต์ จนสามารถผลิตรถยนต์ที่เป็นที่รู้จักได้หลายแบรนด์ อย่าง BMW Mercedes Benz จุดเด่นที่สรุปได้จากการอ่านเรื่องนี้คือ 1.”การทุ่มเทให้กับการศึกษาในด้านสายช่างเทคนิค” ซึ่งมีผลอย่างมาก ในการผลิตช่างเทคนิคและแรงงานเฉพาะทางที่ชำนาญในเรื่องเครื่องจักร อ่านแล้วนึกถึงประเทศไทย ที่เราก็มีวิทยาลัยเทคนิค แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับผู้ปกครองที่จะให้ลูกหลานไปเรียนเท่าไหร่ คือดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปทางการเรียนมหาวิทยาลัยมากกว่า ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันก็เป็นการเรียนที่เฉพาะทาง และน่าจะรู้ลึกในด้านการปฏิบัติ เหมาะกับการทำงานมากกว่า2.การเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ผลกระทบจากการแพ้สงคราม เลยทำให้เยอรมันต้องเร่งฟื้นฟูสภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากแนวคิดผู้นำในตอนนั้น คือ ฮิตเลอร์ ได้วางแผนในการสร้าง Autobahn หรือทางหลวงระหว่างเมือง ซึ่งทำให้มีการคิดนวัตกรรมยิ่งใหญ่เช่น การสร้างรถ Volkswagen กำเนิดเครื่องยนต์ดีเซล หรือการพัฒนาการผลิตรถยนต์หรูแบบ Mass production เพราะก่อนหน้านั้นรถยนต์เยอรมันขึ้นชื่อว่า สวยหรู ดูแพง แต่ผลิตได้ช้าเนื่องจากเป็นการประกอบด้วยมือฝรั่งเศส ความหรูหราของแบรนด์เนมสัญชาติฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้ให้กำเนิดแบรนด์อย่าง Louis Vuitton ที่ออกแบบมาเน้นความเรียบหรู ด้วยทรงเหลี่ยมมีการประดิษฐ์ตัวล็อกที่ป้องกันการสะเดาะกุญแจ การเป็นประเทศแห่งความหรูหราน่าจะเกิดจากการเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของยุโรป และการปฏิวัติอุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งกาย ทำให้ช่างตัดเสื้อปรับกลยุทธ์เป็นการทำเสื้อผ้าที่เย็บด้วยมือ ทำให้การตัดเสื้อกลายเป็น ”ศิลปะชั้นสูง” ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็น “คนพิเศษ” รวมไปถึงวิธีการนำเสนอเสื้อผ้าแบบใหม่ ไม่ใช่การโชว์บนหุ่นแบบเดิม ๆ ใช่แล้วค่ะ มันคือการ “เดินแฟชั่นโชว์” นี่เอง ความที่การเปลี่ยนแปลงจากอาชีพธรรมดากลายเป็นงานศิลป์ จนถึงกับจัดตั้งเป็นสถาบันที่สร้างนักออกแบบเสื้อผ้าโดยเฉพาะ ที่เรียกว่าสมาคมโอตกูตูร์ ก็เลยทำให้แบรนด์ฝรั่งเศสมันดูมี story ของความหรูหราเพิ่มขึ้น เช่น แบรนด์ Chanel, Dior ที่คนไทยรู้จักกันดี แต่ที่รู้สึกว่าเป็นเรื่องตลกเมื่อได้อ่าน ก็คือ คนฝรั่งเศสเองกลับไม่ค่อยตามแฟชั่น แต่มักเลือกใช้แบรนด์ท้องถิ่น โดยเฉพาะสไตล์วินเทจ หรือเลือกเสื้อผ้ามือสองมากกว่า ก็ดูเป็นความย้อนแย้งกันเกาหลีใต้ ถ้าใครเคยดูแดจังกึม ก็จะพอนึกสภาพประเทศเกาหลีได้ คือ เป็นประเทศเล็ก ๆ ถูกอิทธิพลของจีน ญี่ปุ่นครอบงำ แต่ทำไมศิลปิน K-POP อย่าง Blackpink หรือซีรีส์เกาหลีถึงดังเหลือเกิน มีสาวกทั่วโลก เค้าบอกว่ามีจุดเริ่มต้นจากสิ่งที่เรียกว่า วิกฤติต้มยำกุ้ง ค่ะ การเกิดวิกฤติเศรษฐกิจทำให้เกาหลีใต้ต้องพยายามพัฒนาภาคเศรษฐกิจอื่น โดยหนึ่งในนั้นก็คือ อุตสาหกรรมบันเทิง โดยวิธีของเค้าก็คือการสนับสนุนให้ได้รับค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรม สนับสนุนเงินลงทุน หรือการระดมบุคลากรในวงการหนังมาแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์กันในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน การบริหารภาพลักษณ์ศิลปิน สไตล์เพลง ทำให้เป็นที่ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย การสร้างเอกลักษณ์ผ่านผลงานต่าง ๆ เช่น สถานที่สวยงาม วัฒนธรรมในซีรีส์ ก็มีส่วนดึงดูดให้ชาวต่างชาติสนใจมากขึ้น เหล่านี้เป็นส่วนประกอบให้เกิดจุดเด่นของเกาหลีใต้ค่ะยังมีอีกหลายประเทศที่ประวัติศาสตร์สินค้าหรือบริการของเค้าน่าสนใจ แต่โดยรวมแล้ว ส่วนใหญ่การจะเป็นแบรนด์เนมระดับโลกต้องผ่านวิกฤติ ผ่านการปรับตัวมานับไม่ถ้วน ถึงจะทำให้ยืนหยัดอยู่ได้ ใครสนใจลองไปหาอ่านกันได้ สนุก และได้ความรู้แบบย่อยง่ายตามสไตล์ลงทุนแมนค่ะ ชื่อ : Branding the nation สร้างแบรนด์ แทนประเทศโดย ลงทุนแมน ภาพ 1 Jakob Rosen / ภาพ 2 Michael Lee / ภาพ 3 Johen Redman ภาพ 1-3 จาก unsplash ภาพ 4 และภาพปก โดย SKY7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์