อิสรภาพทางการเงิน คือแผนในฝันทางการเงินของใครหลายคนที่อยากจะเป็น เพราะถือว่าเป็นชีวิตที่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่พอใช้ หรือสามารถตอบสนองโจทย์ของชีวิตให้เต็มเติมได้สักที พื้นฐานอย่างแรกที่ต้องมีคือการวางแผนบริหารจัดการเงิน MONEY 101 คือหนังสือที่จะอธิบายสิ่งที่เราต้องจัดการเรื่องเงินขั้นพื้นฐานให้มั่นคง ก่อนที่จะต่อยอดเป็นความร่ำรวยในขั้นต่อไป จักรพงษ์ เมฆพันธุ์ (The Money Coach) ได้เพิ่มเติมปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนเพื่อให้เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน เป็นแนวทางที่เอาไปใช้ในชีวิตได้ทันทีเพื่อช่วยให้ชีวิตการเงินส่วนตัวดีขึ้น สมกับวลีที่ว่า"รวยทรัพย์ รวยสุข"นั่นเอง ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าเป้าหมายการเงินไม่จำเป็นถึงกับ 100 ล้าน หรือหมื่นล้าน พื้นฐานแรกต้องมีรายได้พอกับปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต เติมเต็มความสุขให้ชีวิตตามที่ฝัน พร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน และมีความมั่งคั่งพอที่จะดูแลตัวเองจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ได้เรียนรู้ว่าสองคำพื้นฐานที่ต้องเข้าใจ คือ สภาพคล่อง มีเงินกินใช้และเก็บออมแบบไม่ขาดมือ โดยเก็บออมได้ 10% ของรายได้แต่ละเดือน น้อยกว่านั้นถือว่าขาดสภาพคล่อง ส่วนความมั่งคั่ง คือ สภาพคล่องที่สะสมในทรัพย์สินรูปแบบต่างๆ วัดจากทรัพย์สินสุทธิที่มีทั้งหมด ได้เรียนรู้ว่าเงินออมและเงินลงทุน คิดจาก เงินออมและลงทุนรายเดือน × 100 / รายได้รวมทั้งเดือน ค่าที่ได้ต้องอย่างน้อย 10% เงินชำระหนี้ต่อรายได้ คิดจาก เงินชำระหนี้รายเดือน × 100 / รายได้รวมทั้งเดือน ค่าที่ได้ไม่เกิน 30% (ไม่มีหนี้บ้านและรถ) ไม่เกิน 50% (กรณีมีหนี้บ้านและรถ) อัตราส่วนเงินสำรองฉุกเฉิน คิดจาก ทรัพย์สินสภาพคล่อง / รายจ่ายต่อเดือน ค่าที่ได้มากกว่าหรือเท่ากับ 6 เดือน ทรัพย์สินสุทธิ (ความมั่งคั่งสุทธิ) คิดได้จาก ทรัพย์สินรวม - หนี้สินรวม ค่าที่ได้ทรัพย์สินสุทธิต้องเป็นบวก หากชีวิตจริงค่าที่ได้ไม่เป็นไปตามที่กำหนด ก็เร่งปรับตัวให้เงินออม เงินชำระหนี้ได้รับการแก้ไขเพื่ออิสรภาพทางการเงิน ได้เรียนรู้ว่าเงินเก็บออมควรมี 3 ตะกร้า นั่นคือ 1.เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน ได้ค่าแรงช้า เจ็บป่วย ฯลฯ 2.เงินเกษียณรวย เป็นเงินไว้ใช้ยามเกษียณโดยทยอยสะสมในตราสารทางการเงิน 3.เงินเกษียณเร็ว เป็นแหล่งเงินลงทุนในทรัพย์สินเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่เรารู้เรื่องนั้นๆจริง เช่น คอนโดให้เช่า ที่ดินให้เช่า ทำให้มีรายได้มากพอจนหมดกังวลเรื่องเงินก่อนเกษียณ ได้เรียนรู้ว่าก่อนซื้อรถมีค่าใช้จ่ายที่ต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็นเงินผ่อนกู้ซื้อรถรายเดือน ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าจอดรถ ค่าใช้จ่ายดูแลบำรุงรักษารถ (ตามระยะเวลา/ระยะทาง) ภาษีรถรายปีเพื่อต่ออายุป้ายทะเบียนรถ ค่าประกันภัย (รายปี) ทั้งภาคบังคับอย่าง พ.ร.บ บุคคลที่สาม และภาคสมัครใจที่เบี้ยประกันจะถูกหรือแพงก็ขึ้นอยู่กับประเภทกรมธรรม์ประเภทรถ ประวัติเกิดอุบัติเหตุ อายุของรถ ฯลฯ เราต้องตระหนักก่อนซื้อรถเพราะมันกระทบกับสภาพคล่อง ได้เรียนรู้ว่าความเสี่ยงทางการเงิน ประกอบด้วย1.ความเสี่ยงต่อบุคคล เช่น เสียชีวิต บาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเจ็บป่วย2.ความเสี่ยงต่อทรัพย์สิน เช่น สูญหาย เสียหายต่อตัวบ้าน3.ความเสี่ยงต่อการรับผิด เช่น ความรับผิดในหน้าที่อาชีพการงาน และการค้ำประกันซึ่งแนวทางรับมือก็คือการรับความเสี่ยงไว้เอง (หาทางป้องกัน) และการทำประกัน (โอนความเสี่ยง) ได้เรียนรู้ว่าคนที่ควรซื้อประกันชีวิตคือ คนที่มีภาระรับผิดชอบดูแลเรื่องการอื่นให้กับคนข้างหลังในครอบครัว อาจเป็นลูก คู่ชีวิต หรือพ่อแม่ หากคนคนนั้นเสียชีวิต คนในอุปการะเหล่านี้จะได้รับผลกระทบทางการเงิน ทุนประกันที่จำเป็นคำนวณจาก = ความจำเป็น (ภาระหนี้+มรดก) – ทรัพย์สินและทุนประกันที่มี (เงินออม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทุนประกันกลุ่มบริษัท) ได้เรียนรู้ว่าประกันสุขภาพให้ความคุ้มครอง 2 แบบ1.แบบแยกค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ เช่น ค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่าตรวจ โดยมีวงเงินจำกัด2.แบบเหมาค่าใช้จ่ายตามจริง แต่ไม่เกินวงเงินโดยรวมที่กำหนดไว้ เบี้ยประกันแพง แต่ข้อจำกัดในการเคลมไม่มากนอกจากนี้คนที่ซื้อประกันสุขภาพเป็นสัญญาเพิ่มเติม (อนุสัญญา) จากการซื้อประกันชีวิต (ซื้อคู่กัน) อาจต้องพิจารณาระยะเวลาสิ้นสุดของประกันชีวิตหลักด้วย เพราะประกันชีวิตหลักสิ้นสุดสัญญา ประกันสุขภาพก็หมดความคุ้มครองตามไปด้วย กรณีซื้อคู่กัน ประกันชีวิตแบบตลอดชีวิต (Whole Life) เหมาะสมกว่า อีกทั้งยังมีกรณีไม่คุ้มครองโรคบางโรคจึงต้องตรวจรายละเอียดก่อนทำประกัน ได้เรียนรู้ว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คิดจาก 2 วิธี คือ วิธีเงินได้สุทธิ ใช้คำนวณเงินได้ทุกประเภท กับวิธีเงินได้พึงประเมิน ใช้คำนวณเงินได้ประเภทที่ 2-8 วิธีไหนคำนวณแล้วเสียภาษีมากกว่า ก็เลือกคำนวณตามวิธีนั้น ได้เรียนรู้ว่าทุนเกษียณของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก1.อัตราส่วนเงินสะสมและเงินสมทบ2.อัตราผลตอบแทนการลงทุนจากแผนที่ได้เลือก3.ระยะเวลาการลงทุน (ตามอายุการทำงาน) นี่คือหนังสือที่เหมาะกับทุกคนที่ต้องรู้จักดูแลสุขภาพทางการเงินของตัวเอง สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องพื้นฐานมาก แต่กลับไม่มีสอนในโรงเรียน ทำให้คนไทยที่เติบโตเข้าสู่วัยทำงานไม่สามารถบริหารจัดการเงินให้เสถียรภาพ มีสภาพคล่องมากพอกับยุคทุนนิยมในปัจจุบัน และนั่นก็ทำให้ภาพรวมของประเทศดูไม่ดีไปด้วย ประเด็นการจัดการเงินขั้นพื้นฐาน ได้แก่1.หารายได้ให้พอใช้2.จัดการค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม3.ออมเพื่อวัตถุประสงค์ในวันข้างหน้า4.ลงทุนต่อยอดความมั่งคั่งทั้ง 4 ประเด็นถูกถ่ายทอดไว้ในหนังสือเล่มนี้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเนื้อหาการเงินที่ควรจะอ่านเป็นเล่มแรก ครีเอเตอร์บอกเลยว่าอ่านสนุก เข้าใจง่าย แทบจะไม่จำเป็นต้องไปหาการเงิน 101 ของคนอื่นมาอ่านอีกเลย เครดิตภาพภาพปก โดย master1305 จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย user6702303 จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย rorozoa จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ MONEY MINDSET โดย THE MONEY COACH จักรพงษ์ เมษพันธุ์รีวิวหนังสือ ภาษี"บุก"คนธรรมดารีวิวหนังสือ คนไทยฉลาดการเงินรีวิวหนังสือ WINK มั่งคั่งมากกว่าที่ตาเห็นรีวิวหนังสือ THE RICHEST MAN IN BABYLON เศรษฐีชี้ทางรวยเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !