จากที่ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้มาเก็บไว้บนชั้นหนังสือเป็นเวลาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว ก็ได้ฤกษ์ที่จะเอามาอ่านสักที เนื่องจากมีเวลาว่างจากช่วงที่ต้องกักตัวนั่นเอง โดยผมเลือกซื้อหนังสือเล่มนี้เนื่องจากได้รับคำแนะนำว่า เป็นหนังสือสำหรับคนที่สนใจในการลงทุนในหุ้นควรที่จะอ่าน ซึ่งเขียนโดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้ซึ่งได้ทำให้แนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ตีแตก กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤตจากหนังสือเล่มนี้ ดร.นิเวศน์ ได้เล่าถึงช่วงหลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งเมื่อปี พ.ศ. 2540 นั้นเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นในตลาดหุ้นไทยบ้าง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยง แต่ถ้าเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ดังที่กล่าวมาข้างต้นก็จะสามารถผ่านสภาวะวิกฤตไปได้ และดร. นิเวศน์ยังได้ชี้ให้เห็นอีกว่า เมื่อมี 2540 นั้นธุรกิจไหนที่สามารถผ่านไปได้ และธุรกิจหรือบริษัทใดที่ไม่ได้ไปต่อ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อรัฐบาลในยุคนั้นประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ก็ทำให้บริษัทที่เป็นธุรกิจส่งออกต่างประเทศได้ผลประโยชน์จากค่าเงินบาทที่ลอยตัว ตรงกันข้ามกับบริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศเยอะ ๆ ก็มีอันต้องล้มละลายไปเนื่องจากหนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเพียงชั่วข้ามคืนนั่นเองนอกจากนั้นดร.นิเวศน์ ยังอธิบายถึงการลงทุนหุ้นในรูปแบบต่าง ๆ นอกเหนือจากการลงทุนแบบเน้นคุณค่า และบอกถึงวิธีการหาบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดี โดยดูจากกำไรที่สูง และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ดูจากยอดขาย และการพิจารณาจากงบการเงินและแนวโน้มอัตราส่วนทางการเงินอีกด้วย เพื่อที่จะสามารถเลือกหุ้นที่จะซื้อได้ และต้องซื้อตอนที่หุ้นราคาถูกอีกด้วย เพื่อเพิ่มกำไร และลดความเสี่ยงจากการลงทุน รวมถึงได้ยกประสบการณ์ “ตีแตก” หรือการทำกำไรจากการลงทุนของตัวดร.นิเวศน์เองมาให้เป็นกรณีศึกษาอีกด้วย หนังสือเล่มนี้ก็ยังได้เล่าถึงประวัตินักลงทุนระดับโลก 3 ท่าน เช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งผมคิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะรู้จักนักลงทุนคนนี้ดี ผู้ที่รวยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งวอร์เรน บัฟเฟตต์เป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเช่นเดียวกันกับ ดร.นิเวศน์ และได้เล่าถึงข้อดีของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเทียบกับการลงทุนสไตล์อื่น ๆ รวมถึงเล่าถึงการลงทุนในทรัพย์สินอื่น ๆ เช่น ที่ดิน พระเครื่อง ภาพวาด ทอง เป็นต้น พร้อมทั้งชี้ให้เห็นข้อดี ข้อเสียของการลงทุนเหล่านั้นอีกด้วย การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment) ก็คือ การลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานทีมีความมั่นคงรวมถึงมีความสามารถในการทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ และสามารถผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ หลังจากอ่านจบผมรู้สึกว่าได้เห็นภาพรวมของการลงทุนในหุ้นเพิ่มมากขึ้น โดยที่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เจาะลึกในการเล่นหุ้นมากเกินไป เพียงแค่บรรยายให้เห็นภาพว่าการเล่นหุ้น การหาหุ้นพื้นฐานดี การอ่านงบการเงินเบื้องต้นเป็นอย่างไร และความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้น เป็นต้น ส่วนตัวคิดว่าเหมาะกับมือใหม่อย่างผมมาก ๆ และคิดว่าบุคคลทั่ว ๆ ไปที่ไม่มีพื้นฐานในการลงทุนในหุ้นก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้เช่นกันครับ เครดิตภาพ ภาพปกโดยผู้เขียน / ภาพที่ 1, 2 โดย ผู้เขียน /ภาพที่ 3 โดย unsplash /ภาพที่ 4 โดย unsplash