เงิน ไม่ใช่ความชั่วร้าย การขาดแคลนเงินต่างหากที่ผลักดันให้ผู้คนทำเรื่องชั่วร้าย ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรม การฉ้อโกง ฆาตกรรมเพื่อชิงทรัพย์ รวมถึงการแต่งงานกันเพราะเงิน เงิน เป็นเพียงเงินเท่านั้น คนต่างหากที่แสดงพฤติกรรมเบียดเบียนคนอื่นก็เพราะมีเงินไม่พอ การปลุกอัจฉริยภาพทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อที่เราจะได้มีทักษะทางการเงินที่ดีและแยกแยะออกว่าคำแนะนำทางการเงินใดเป็นคำแนะนำที่ดี คำแนะนำใดที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Robert T. Kiyosaki เรียบเรียงโดย จักรพงษ์ เมษพันธุ์ และ เกียรติศักดิ์ ลีลาวโรภาส ความรู้ความประทับใจที่ได้ภายในเล่มจากมุมมองครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าความยากจน คือสภาวะของการมีปัญหามากกว่าทางออก สาเหตุมาจากการที่คนคนหนึ่งสะสมปัญหาไว้มากเกินกว่าที่เขาจะจัดการมันได้ อันที่จริงแล้วปัญหาความยากจนนั้น อาจไม่ได้เกิดจากสาเหตุทางการเงินทั้งหมด บางครั้งมันก็เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ติดสารเสพติด แต่งงานกับคนไม่ดี อาศัยอยู่ในแหล่งอาชญากรรม ขาดทักษะในหน้าที่การงานของตน มีหนี้สิน การได้รับค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงขาดการดูแลรักษาสุขภาพที่ดี ทั้งนี้ก็มีประเด็นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ปรับเปลี่ยนของภาครัฐด้วย ได้เรียนรู้ว่าระดับความฉลาดทางการเงิน (financial IQ) วัดได้จากความสามารถ 5 ประการ1.การทำเงินให้มากขึ้น2.การปกป้องเงินที่หามาได้3.การจัดทำงบประมาณให้เงินของเรา4.การสร้างพลังทวีให้เงินของเรา5.การจัดการข้อมูลข่าวสารทางการเงิน ได้เรียนรู้ว่าตัดสินใจให้ได้เสียก่อนว่าทางเลือกไหนที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุดในการสร้างรายได้ให้กับตัวเอง เมื่อตัดสินใจได้ชัดเจนแล้วก็ลองพิจารณาต่อถึงกระบวนการสร้างรายได้ของทางเลือกนั้น และการมีเป้าหมายเดียวไม่ทำให้เราร่ำรวยได้ การมีกระบวนการสนับสนุนที่ถูกต้องและเหมาะสมต่างหากที่จะช่วยพัฒนาให้เราฉลาดขึ้นแล้วพาไปสู่ความร่ำรวยได้ ได้เรียนรู้ว่าการไม่รู้จักอดทนรอคอยความสำเร็จก็ไม่อาจทำให้รวยได้ เพราะมันต้องยอมแลกความสุขสบายเพียงชั่วคราวกับความสำเร็จในระยะยาว เช่น ยอมได้เงินเดือนน้อย เพื่อแลกกับความรู้และประสบการณ์จากการทำงาน ได้เรียนรู้ว่าการควบคุมอารมณ์ที่ขึ้นลงและความอดทนที่จะไม่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในระยะสั้น คือสองสิ่งสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาความฉลาดทางด้านการเงิน เพราะความฉลาดทางอารมณ์เป็นพื้นฐานสำคัญของความฉลาดทางการเงิน หลายคนเรียนเก่งหัวดีแต่ยอมละทิ้งความฝันของตัวเองเพียงเพราะกลัวความผิดพลาด แทนที่จะเรียนรู้ความผิดพลาดนั้น เขากลับโทษคนอื่นเพื่อเอาตัวรอด และการไม่ยอมรับผิด ทำให้กระบวนการเรียนรู้ยุติลง ได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าความท้าทายของเราจะเป็นอะไรก็ตาม จงเลือกเส้นทางนั้นด้วยความระมัดระวังและใช้สติปัญญาพินิจพิเคราะห์ให้ดี อย่าเลือกเสี่ยงส่งเดช ลองถามตัวเองดูว่าชีวิตเราในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ถ้าเราประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ผมตัดสินใจเลือกในวันนี้ ? ได้เรียนรู้ว่า 3 สิ่งที่ผู้มีความฉลาดทางการเงินต้องทำ มีดังนี้1.ไม่เก็บสิ่งที่มีค่าไว้ในชื่อของเราเอง เป็นแค่เจ้าของร่วม ซึ่งสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่จำกัด ผลตอบแทนก็ไม่จำกัด2.ซื้อประกันภัยความรับผิดส่วนบุคคล (personal liability insurance) ให้ความคุ้มครองกับบุคคลภายนอกในด้านทรัพย์สินเสียหายหรือบาดเจ็บ เสียชีวิต แต่ไม่คุ้มครองผู้เอาประกันภัย โดยเราซื้อก่อนที่จะต้องการมัน ไม่ใช่ซื้อตอนที่เราต้องการเดี๋ยวนี้3.ถือทรัพย์สินที่มีค่าไว้ในองค์กรธุรกิจที่ดี เช่น ในรูปแบบ C-corporations ได้เรียนรู้ว่าสำหรับคนมีหนี้...เมื่อเราจ่ายให้ตัวเองก่อน คนที่ร้องเสียงดังที่สุดคือเจ้าหนี้ แทนที่จะต้องจ่ายเงินทั้งหมดที่หามาได้ให้กับพวกเขา โดยที่ไม่เหลือออะไรไว้ให้ตัวเองเลย แต่ไม่ใช่เบี้ยวหนี้นะครับ แต่ความหมายคือจ่ายให้ตัวเองก่อน แล้วใช้เจ้าหนี้เป็นแรงผลักดันให้เราใช้ความฉลาดทางการเงินข้อ 1 หาเงินให้ได้มากขึ้น คนเรามักไม่ยอมกดดันตัวเอง แต่ชอบให้คนอื่นกดดันและโขกสับเรา ทั้งนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องมีหนี้เพื่อให้มีแรงผลักดันนะครับ ใช้รายจ่ายเป็นแรงผลักดันก็ได้ เช่น บ้านหรู อาหารรสเลิศ ได้เรียนรู้ว่าพลังทวีทางการเงินมีหลายประเด็นด้วยกัน1.พลังทวีมีหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่มักจะรู้จัก OPM (Other People Money) หรือการกู้ยืม แต่ยังมีเรื่องของการเพิ่มรายได้ ลดการเสียภาษี ทำงบประมาณเน้นทรัพย์สินให้เพิ่มมากขึ้น และข้อมูลข่าวสาร ก็ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของพลังทวี เพราะมันทำให้ทำงานง่ายขึ้น2.นักลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนแต่ในตราสารการเงิน ซึ่งควบคุมไม่ได้ เช่น เงินฝฝาก หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม กองทุนดัชนี แถมผลตอบแทนยังเสียภาษีอีกด้วย3.การเพิ่มขึ้นของผลตอบแทน ไม่ได้หมายถึงการเพิ่มขึ้นความเสี่ยงเสมอไป ทรัพย์สินบางประเภท ผลตอบแทนยิ่งสูงยิ่งเสี่ยง แต่บางทรัพย์สินก็ไม่เสี่ยงเลยถ้าบริหารจัดการดี4.ที่ปรึกษาทางการเงินส่วนใหญ่ไม่ใช่นักลงทุน แค่ให้คำปรึกษาอย่างเดียว เช่น นายหน้าอสังหาฯให้คำปรึกษาได้ แต่ไม่ได้ลงทุนในอสังหาฯนั้น5.การเรียนรู้ทางการเงินจะเพิ่มความฉลาดทางการเงิน เพราะเราจะสามารถควบคุมอะไรหลายอย่างได้มากขึ้น6.พลังทวี (Leverage) ช่วยให้เรารวยขึ้นหรือจนลงก็ได้ ถ้าใช้มันไม่เป็น7.ที่ปรึกษาไม่ได้แนะนำให้กระจายการลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างแท้จริง มันเป็นการลงทุนในทรัพย์สินกลุ่มเดียวกัน คือ หุ้น กองทุนรวม พันธบัตร แม้จะเป็นคนละชื่อ คนละอุตสาหกรรม แต่มันอยู่ในวังวนของเศรษฐกิจ กฎหมายการปกครองภายในประเทศที่เราควบคุมไม่ได้ ได้เรียนรู้ว่าบางครั้งเราเคยได้ยินคำโฆษณาจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบางแห่งบอกว่าให้ผลตอบแทนสูงสุด นี่ถือเป็นข้อมูลลวง เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าผลตอบแทนสูงสุดในทุกประเภทกองทุน หรือเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนพิเศษ แถมยังมีกองทุนอื่นอาจมีลักษณะแบบนี้เหมือนกันก็ได้ ซึ่งก็ไม่ผิดถ้าเขาโฆษณาอวดอ้างว่าให้ผลตอบแทนสูงสุด ได้เรียนรู้ว่าการจัดการข้อมูลข่าวสารเพื่อความร่ำรวย ต้องแยกแยะข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้กับความคิดเห็นที่ไม่แน่นอนในอนาคตให้ได้ ได้เรียนรู้ว่าตรวจสอบตัวเองว่ายังขาดความฉลาดางการเงินข้อใดบ้าง ต้องรีบพัฒนาตัวเองอย่างเร่งด่วน จงเริ่มต้นจากการยอมรับความจริง และมองหาหนทางที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น หากเรามีปัญหาหลายข้อพร้อมกัน จงเลือกพัฒนาข้อที่เราคิดว่าขาดมากที่สุดก่อน ยังไม่ต้องกังวลถึงความฉลาดในข้ออื่นๆ เพราะอันที่จริงแล้วทุกข้อสัมพันธ์กันหมด ดังนั้น จงเลือกเพียงหนึ่งข้อก่อน แล้วเราจะได้ทั้งหมดตามมาเอง เริ่มต้นจากศึกษาเรียนรู้วันละเล็กน้อย แต่ขอให้อดทนทำทุกวัน ได้เรียนรู้ว่าในฐานะผู้ประกอบการ เรามีหน้าที่ระดมทุนจากคน 3 กลุ่ม คือลูกค้า ผู้ลงทุน และลูกจ้างของเรา โดยการทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าของเรา ถ้าลูกค้ายอมจ่ายเงิน ผู้ลงทุนก็จะยินยิมให้เงินกับเรา และถ้าเรามีลูกจ้าง ก็ทำให้พวกเขาผลิตสินค้าและสร้างรายได้อย่างน้อย 10 เท่าของเงินที่เราจ่ายให้พวกเขา ถ้าเราทำไม่ได้ก็ต้องออกจากธุรกิจไป นี่ไม่ใช่หนังสือบอกคำตอบแบบสูตรสำเร็จ โรเบิร์ตกล่าวว่าคำตอบสำเร็จรูปเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่ใช้การไม่ได้ในปัจจุบัน ดังนั้น คนเราจึงต้องมีกลยุทธ์ที่รองรับกับการลงทุนในทุกสถานการณ์ ซึ่งงหากมันสามารถเป็นทักษะที่ติดตัวได้สำเร็จ การลงทุนของเราจะเป็นเรื่องง่ายและสบายตัวมากขึ้น แล้วยังช่วยลดภาระความกดดันทางการเงินอีกด้วย แม้ว่าบางคนอาจจะมองว่าการอ่านหนังสือเล่มนี้สูญเปล่า ไม่ได้ช่วยให้เรารู้ว่าควรทำอะไรต่อไป แต่อย่างน้อยมันทำให้เราตระหนักว่าเราควรจะเฝ้าระวังเรื่องการเงินในด้านไหนบ้าง โดยเฉพาะด้านภาษีที่ยิ่งมีรายได้มาก ก็ยิ่งเสียภาษีมากอย่างน่าตกใจเลยทีเดียว เครดิตภาพภาพปก โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย Gray StudioPro จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ FAKE การเงินลวงโลก โดย Robert T. Kiyosakiรีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูกรีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้านรีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนวัยรุ่น (Rich dad poor dad for teens)รีวิวหนังสือพ่อรวยสอนลูก เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนจะเป็นเจ้าของธุรกิจเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !