อืมมม.. หนังสือเล่มนี้น่าสนใจตรงชื่อหนังสือดูตรงไปตรงมาเข้าใจคนที่กำลังประสบกับปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามานับไม่ถ้วน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบริบทต่าง ๆ เราคาดเดาได้ว่า หนังสือเล่มนี้น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้นประมาณอายุ 20 ปีขึ้นไป ผู้ที่กำลังเรียนในระดับมหาวิทยาลัยหรือผู้ที่ทำงานแล้ว เป็นต้น หนังสือเล่มนี้แบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนแรกกล่าวถึง 'เป็นผู้ใหญ่ใครว่าไม่พลาด' ส่วนที่ 2 กล่าวถึง 'เป็นผู้ใหญ่หัวใจเราโตขึ้น' และส่วนที่ 3 กล่าวถึง 'เป็นผู้ใหญ่ใครว่าไร้คุณค่า จริง ๆ หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์มากสำหรับผู้ที่กำลังท้อ หมดแรง หรือพึ่งประสบปัญหา หนังสือเล่มนี้ให้กำลังใจได้ดีเลยละ ไม่ใช่ให้กำลังใจเพียงอย่างเดียวนะ แต่ละบทของสารบัญจะให้แง่คิด การเข้าใจตนเอง เข้าใจชีวิต และเข้าใจผู้อื่นอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสามารถพัฒนาความคิดของเรา พัฒนาศักยภาพของความเป็นมนุษย์คนหนึ่งให้สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุข ออกตัวก่อนเลยว่าหนังสือเล่มนี้ที่กล้าหยิบมาอ่าน เพราะช่วงนั้นเราประสบปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ช่วงนั้นรู้สึกท้อมาก แต่เราก็ไม่ถอย เราพยายามเปิดฟัง podcast ให้กำลังใจต่าง ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่สักพักก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เรารู้สึกเครียดเป็นอย่างมาก กระทั่งกระทบกับการกินอาหาร ช่วงนั้นเรารู้สึกเบื่ออาหาร กินได้เล็กน้อย เราได้แต่คิดว่า จะทำอย่างไรดีกับปัญหานี้?? จนกระทั่งน้องสาวของเราได้หยิบยื่นหนังสือเล่มนี้มา จนเรารู้สึกว่า มันเป็นหนังสือที่น่าอ่านมาก ๆ บางทีอาจช่วยคลายปมปัญหาที่เรากำลังประสบอยู่ก็เป็นได้ เราจึงไม่รอช้า รีบหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านทันที รีวิวโดย Mimimoto., หนังสือเล่มนี้อารามบทด้วยหัวข้อที่น่าสนใจอยู่ 2 เรื่อง คือ เป็นผู้ใหญ่ใครว่าไม่เจ็บ และเป็นผู้ใหญ่ใครว่าไม่ขม เชิญนักอ่านทุกท่านรับอรรถรสในการอ่านและประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ได้เลยค้า เป็นผู้ใหญ่ใครว่าไม่เจ็บ หนังสือเล่มนี้ได้บอกถึงความหมายของการเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะท้าย ๆ ของเรื่อง ได้พูดประมาณว่า "ถ้าหากเราเจอกับปัญต่าง ๆ แล้วเรารู้สึกเจ็บ เหนื่อย ไม่สบาย ไม่ไหว อยากร้องไห้ แต่ถ้าเรายังสามารถเก็บสิ่งเหล่านี้ใว้ในใจได้โดยที่ไม่ปริปากบ่นออกมา แต่กลับหันหน้าทำสิ่งที่สำคัญกว่าต่อไปได้ ยินดีด้วยคุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว" หมายความว่า ถ้าหากคุณอกหักแต่อ่านหนังสือสอบสำคัญกว่า ถ้าหากคุณป่วยแต่ทำกับข้าวให้ลูกสำคัญกว่า ถ้าหากคุณเหนื่อยแต่เป้าหมายในชีวิตสำคัญกว่า ถ้าหากคุณอยากร้องไห้แต่รอยยิ้มของครอบครัวสำคัญกว่า นั่นแสดงว่า คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลังจากที่เราได้อ่านประโยคนี้จนจบเราเริ่มรู้สึกเข้าใจเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น รู้ว่าสิ่งใดที่สมควรทำและให้ความสำคัญ ไม่ใช่ให้ความสำคัญแต่ความรู้สึกของตนเอง จนลืมหน้าที่ที่ต้องทำให้ดีที่สุด บางครั้งการที่เราจะจบปัญหานี้ได้ก็ต้องเริ่มจากการให้อภัยผู้อื่นเสียก่อน เป็นผู้ใหญ่ใครว่าไม่ขม บทนี้ได้พูดถึงความขมของกาแฟเปรียบเทียบกับความยากลำบากของชีวิต และปัญหาต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ให้ความสุขในชีวิตเลย แต่กลับให้ความทุกข์ระทม ความเหน็ดเหนื่อย แต่ความขมของสิ่งเหล่านี้ที่เข้ามาในชีวิต มักให้บทเรียนกับเราอย่างมากมาย บทเรียนที่พร้อมให้เราสู้ บทเรียนที่พร้อมให้เราก้าวต่อไปข้างหน้า นักศึกษาและผู้ที่ทำงานทุกท่านสามารถเข้าใจในส่วนนี้ได้ ยกตัวอย่าง นักศึกษาแม้ต้องเรียนหนักและภาระงานที่ต้องทำเพื่อแลกมาซึ่งการจบปริญญาตรี และผู้ที่ทำงานพยายามบากบั่นทำงานโดยไม่ย่อท้อ เก็บตังค์เพื่อคาดหวังกับบ้าน รถ และเพื่อใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร เป็นต้น จะเห็นไม่ว่าพวกเขาเหล่านี้ยอมให้ความขมของชีวิตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความคาดหวังของพวกเขา โดยที่แค่พวกเขาใช้ความอดทนและความพยายาม สำหรับ 3 ส่วนที่เป็นหัวข้อหลักของหนังสือเล่มนี้ เราขอสรุปเป็นส่วน ๆ เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้ประโยชน์จากการอ่านให้มากที่สุด Part 1 เป็นผู้ใหญ่ใครว่าไม่พลาด> อย่าไปอะไรมากเลยกับความพลาด ยิ่งเราพลาดเยอะ เราจะได้รับซึ่งบทเรียน และการเรียนรู้อย่างมากมาย และถ้าใครไม่เคยพลาด แปลว่ายังทำไม่เยอะพอ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังสู้น้า เอาจริง ๆ แค่ Part แรกนี้เราก็รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น อยากจะฮึดขึ้นสู้ บางครั้งสิ่งที่เราเคยทำมันผิดพลาดมาก็เป็นสิ่งที่เราได้รับบทเรียนจากมัน วันหลังถ้าเราเห็นหรือทำพฤติกรรมแบบนี้แล้วเรารู้ว่ามันจะส่งผลอย่างไรกับเราในอนาคต เราก็พร้อมหลีกทางให้ เพราะบทเรียนสอนให้เรารู้ว่า ถ้าเราต้องการจะทำอะไรบางอย่าง แล้วผลลัพธ์ของมันกลับได้ผลเสียกลับมา เราควรรับรู้ไว้ว่ามันไม่มีความจำเป็นที่เราต้องทำสิ่งนั้นอีกต่อไป บนโลกใบนี้มันยังมีหลายอย่างให้เราทำอีกมากมาย เสียงหัวเราะของเรายังมีประโยชน์มากกว่าเสียงร้องไห้ซะอีก Part 2 เป็นผู้ใหญ่หัวใจเราโตขึ้น> บางครั้งกับปัญหาต่าง ๆ "กำลังใจ'' อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ แต่เขาอาจต้องการการเห็นใจ หรือปลอบโยนกับคนรอบข้างมากกว่า สำหรับ Part นี้นะคะกำลังสื่อถึงความเป็นปัจเจกบุคคลเพราะแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ปัญหาที่เขาพบเจอก็ต่างกัน เพราะฉะนั้นการให้กำลังใจไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะต้องการ ปัญหาบางอย่างบางครั้งเขาเพียงต้องการคนที่คอบรับฟังหรืออยู่เคียงข้างเขา Part 3 เป็นผู้ใหญ่ใครว่าไร้คุณค่า> คุณค่าของคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของผู้อื่น อย่าพยายามนำเอาคำพูดที่ไม่ดีของผู้อื่น มาบั่นทอนหรือลดคุณค่าในตัวคุณ สำหรับ Part นี้เรารู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษเพราะมันสามารถเชื่อมโยงกับปัญหาที่เราเจอได้อย่างลงตัว ประโยชน์จาก Part นี้สอนให้เรารู้ว่า เราไม่สามารถไปบังคับความคิดหรือคำพูดของคนอื่นได้ ก็เหมือนกับความคิดและคำพูดของตนเองเช่นกันที่ยังไม่สามารถบังคับได้เลย เพราะฉะนั้นคำพูดที่ไม่ดีของผู้อื่นที่พลั้งปากพูดออกมา บ่อยครั้งอาจส่งผลให้เราไม่สบายใจ ให้เราตระหนักไว้ว่า คุณค่าความเป็นคนมันขึ้นกับพฤติกรรมของเราล้วน ๆ ไม่ได้เกี่ยวโยงหรือผูกพันกับคำพูดของคนอื่นเลย หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะสามารถบรรเทาอาการเศร้าโศก เครียด กังวล ท้อ แม้หนังสือเล่มนี้จะไม่ได้ให้กำลังใจอะไรมากมายนัก แต่ทว่าหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้คุณยอมรับความจริง มองหาทางออก มองเป้าหมายหรือสิ่งที่สำคัญกว่าปัญหาได้ แนะนำอย่างมากเลยคะ รูปภาพถ่ายโดยผู้เขียน