ทะไลลามะมีความหมายว่า ‘คุรุมหาสมุทร’ เป็นตำแหน่งประมุขหัวหน้าคณะสงฆ์ของผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของธิเบตในนิกายหมวกเหลืองของทางมหายาน ปัจจุบันทะไลลามะเป็นองค์ที่ 14 นามว่า เท็นซิน กยัตโซ หนังสือเล่มนี้ทำการรวบรวมกวีสั้น 65 บทของทะไลลามะที่ 6 ฉันยัง กยัตโซ ซึ่งในภายหลังได้กลายเป็นบทเพลงที่นิยมขับร้องในหมู่ชาวทิเบต จึงมีการรวบรวมบทกวีซึ่ง ‘เชื่อว่า’ เป็นของพระองค์ โดยที่มีการพยายามคัดสรรที่มีปรากฏตรงกันทุกฉบับได้ออกมาเป็นจำนวน 65 บทในช่วงต้นคุณศุภโชค ชุมสาย ณ อยุธยาผู้แปลได้บอกเล่าประวัติของท่านตั้งแต่ผู้สำเร็จราชการและคณะออกหาร่างกำเนิดใหม่หรือนิรมานกายจากรหัสสัญญาณที่ทะไลลามะองค์ก่อนทิ้งไว้ให้ เพื่อนำตัวมาฝึกอบรมให้เหมาะสมกับตำแหน่งประมุขของทิเบตองค์ต่อไปทว่าไม่ใช่ทุกอย่างจะสมบูรณ์ ทะไลลามะที่ 6 ท่านนี้อยู่ในมรสุมตั้งแต่สิ้นทะไลลามะองค์ก่อนเลยทีเดียวทั้งการที่ผู้สำเร็จราชการปิดข่าวมรณะภาพไว้ภึง 15 ปี (แม้ทีแรกทำไปเพื่อรักษาสถานการณ์บ้านเมืองก็ตาม) จนตามไปพบเด็กผู้เป็นนิรมานกายทว่ายิ่งเติบโตเด็กหนุ่มผู้นี้กลับนิยมออกไปเที่ยวกับเพื่อน ชื่นชอบการใช้ชีวิตนอกพระราชวัง อยู่ตามสวนหรือในหุบเขา แม้จะชอบการใช้ชีวิตสนุกสนาน แต่ก็เป็นคนเฉลียวฉลาด สุภาพอ่อนโยน ใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่ชอบพิธีกรรมวุ่นวาย จนท่านอายุครบ 20 ปี ผู้สำเร็จราชการขอให้ท่านรับศีลภิษุตามธรรมเนียม ฉันยัง กยัตโซกลับขอไม่รับศีลภิกษุ คืนศีลสามเณรเลือกกลับไปเป็นฆราวาส แต่ถึงจะไม่ได้อยู่ในสถานะนักบวชตำแหน่งทะไลลามะที่ 6 ก็ยังคงอยู่กับฉันยัง กยัตโซ ซึ่งยังคงชอบเที่ยวไปตามเมืองต่าง ๆ ดื่มเหล้าขับขานบทกวีและคลอเคลียหญิงสาว ซึ่งนำมาซึ่งความคลางแคลงใจแก่หลายคนในขณะเดียวกันสถานการณ์บ้านเมืองของทิเบตก็ไม่สู้ดี ไม่ว่าจะจากทางมองโกลหรือจีน พายุและวังวนการเมืองรบกวนชีวิตท่านมาก จนสุดท้ายท่านต้องอยู่ในฐานะองค์ประกันถูกส่งตัวไปจีนและ ‘หายสาบสูญ’ ระหว่างเดินทางนั้นเอง ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านก็ยังคงเป็นที่รักของชาวทิเบต บทกวียังคงถูกขับขานกันมาจนทุกวันนี้สมดังนามของท่าน ฉันยัง กยัตโซ ‘มหาสมุทรแห่งท่วงทำนองพิสุทธิ์’ก่อนออกจากลาซา ทะไลลามะที่ 6 ได้ขับขานบทกวีบทหนึ่ง เป็นรหัสสัญญาณทิ้งไว้ว่า โอ้ นกกระเรียนขาว ฉันขอยืมปีกเจ้าที ไม่ได้ไปที่ไหนห่าง สู่ลิถังแล้วจะกลับมาองค์ทะไลลามะที่ 7 เกิดที่ลิถังในส่วนบทกวีเหมือนจะเป็นเพลงรักของชายหนุ่มหญิงสาว หากคิดให้ลึกนั่นคือบทกวีสั่งสอนถึง ‘ชีวิต’ ดังบทที่ปรากฏหลังปกหนังสือ และเป็นบทที่ 65 บทสุดท้ายของเล่มด้วย ประการแรกคือไม่เห็นเป็นดี จะไม่มีเหตุให้ตกหลุมรัก ประการที่สองคือไม่คุ้นเคยเป็นดี จะไม่มีเหตุให้โศกเศร้าเสียใจอ่านจนจบเล่ม เราว่าเรามีคำตอบแก่ตัวเองว่าท่านเป็น ‘ของจริง’ หรือ ‘ของปลอม’ ในสายตาคนอื่น ในท้ายเล่มมีบอกเล่าว่า การที่ฉังยัง กยัตโซละทิ้งวินัยใช้ชีวิตแบบฆราวาสไปกับบทกวี เหล้า และสตรี นั้นเป็นวิถีปฏิบัติอันลี้ลับของนิกายญิงมะ ซึ่งท่านเกิดในตระกูลของเปมะ ลิงปะ คุรุผู้ศักดิ์สิทธิ์ของญิงมะนั่นเอง ทั้งบทกวีและการดำเนินชีวิตจึงเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์มากกว่าที่เห็นภายนอก แม้ตัวรูปเล่มจะเล็ก เย็บกี่ เปลือยสันให้ความเรียบง่ายทรงพลัง แต่ภายในนั้นความลึกซึ้งดั่งมหาสมุทรสมชื่อ ‘คุรุมหาสมุทร’ จริง ๆสามารถสั่งหนังสือได้จากร้านหนังสือดังต่อไปนี้ค่ะ Kinokuniya l Paperyard l ร้านหนังสือริมขอบฟ้าภาพปกและภาพประกอบโดยผู้เขียน