หลายครั้งที่ช่วงชีวิตของเรามักเชิญชวนให้กลับมาทบทวนตั้งคำถามของลมหายใจว่า ท้ายที่สุดแล้วเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร และหลายคนอาจมีคำตอบที่แตกต่างกันออกไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละช่วงชีวิตที่กำลังพบเผชิญ เช่น เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะ เกิดมาเพื่อสอนหนังสือ เกิดมาเพื่อเดินทางท่องเที่ยว เกิดมาเพื่อรักษาชีวิตของผู้คน ไม่ว่าคำตอบของใครจะเป็นเช่นใดย่อมไม่มีสิ่งใดถูกหรือผิด แต่การเกิดมาเพื่อได้ทำในสิ่งที่รัก เห็นจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมและสวยงามที่สุดหากจะมีใครตั้งคำถามว่า เหตุผลในการดำรงอยู่ของเราคืออะไรและตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ว่าจะอ่านหนังสือที่ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือในปีต่าง ๆ ให้หมดตู้ภายในปีนี้ ซึ่งก็ได้มาเจอกับหนังสือดีน่าอ่านอีกเล่มหนึ่งชื่อว่า “เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ เล่มที่ 3” ของสำนักพิมพ์ a book ซึ่งเขียนโดยคุณวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ อดีตบรรณาธิการนิตยสาร สารคดี และนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ปี พ.ศ. 2554 ที่ได้รวบรวมเอาบทความคัดสรร เชิงสารคดีและการสะท้อนชีวิตจริงของผู้คนและสังคมเอาไว้อย่างแสนสันและสร้างสรรค์ที่มาของภาพ https://pixabay.com/photos/people-homeless-male-poverty-1550501/ในหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมบทความเอาไว้ทั้งหมด 47 เรื่อง ซึ่งเป็นการรวบรวมบทความเป็นเล่มที่ 3 แล้ว และก่อนหน้านี้ผมเคยได้อ่านมาแล้วทั้ง เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ เล่มที่ 1 และเล่มที่ 2 ซึ่งติดใจในอรรถรสของการใช้ถ้อยคำภาษาที่ดุดันแต่ซ่อนความหวานอยู่ในที ความเข้มข้นของเนื้อหาในแต่ละเรื่อง รสนิยมและความคิดของผู้เขียน รวมไปถึงมุมมองที่ได้จากการออกเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งในเล่มที่ 3 นี้ ผมชื่นชอบบทความเกือบทุกเรื่อง เช่น นราธิวาสที่รัก ประชานิยมกับสังคมคาร์บอนต่ำ เหตุเกิดที่สิงคโปร์แอร์ไลน์ ปรัชญาจากน้องน้ำ ความฝันของคนปั้นซูชิ การเมืองเรื่องน้ำท่วม แวนคูเวอร์สวรรค์สำหรับจักรยาน แต่ที่ชอบที่สุดและอยากเอา ครั้งหนึ่งกับท่านดาไลลามะ ปรากฏการณ์เฟอร์บี้ ครั้งหนึ่งกับรถไฟญี่ปุ่น แซลมอนจีเอ็มโอ ความจริงของโลกร้อน ฯลฯ ซึ่งเรียกได้ว่าแต่ละเรื่องมีการตั้งคำถาม การเสนอข้อเท็จจริง และให้มุมมองเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงการดำรงอยู่ของมนุษย์ โดยเฉพาะการทำให้เข้าใจชีวิตที่เรียกว่า “ตัวเขา” และ “ตัวเรา” ได้อย่างแยบคายที่มาของภาพ https://pixabay.com/photos/human-observer-exhibition-2944065/อย่างเช่นเรื่อง “แวนคูเวอร์สวรรค์สำหรับจักรยาน” ที่ได้ยกกรณีเปรียบเทียบความร่ำรวยด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างนครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา กับกรุงเทพมหานคร ที่ทั้งสองเมืองมีความแตกต่างทั้งในเรื่องของขนาดพื้นที่และประชากร แต่การบริหารจัดการหรือส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมนั้นมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยนครแวนคูเวอร์นั้นมีพื้นที่ที่น้อยกว่ากรุงเทพมหานครแต่จำนวนพื้นที่สีเขียวมีมากกว่ากรุงเทพมหานคร รวมไปถึงการเอื้อพื้นที่ที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนที่มีมากกว่ากรุงเทพมหานครหลายเท่าตัว ทั้งสวนสาธารณะ ต้นไม้ใหญ่ พื้นที่ส่วนกลาง หรือ Public Space เพื่อพัฒนาสติปัญญาและจิตวิญญาณของผู้คน และทางจักรยาน ซึ่งมีมากกว่าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ การขายของเต็มลานฟุตบาท ฝุ่นควันพิษ ปัญหาการจราจร ซึ่งสิ่งที่ผมประทับใจคือความแตกต่างของทั้ง 2 เมืองนี้หาได้เกิดจากธรรมชาติหรือสถานะทางเศรษฐกิจของเมืองเป็นตัวกำหนดไม่ แต่ล้วนเกิดจากมุมมองความคิดของผู้นำและประชากรที่อยู่ในเมืองนั้น ๆ แทบทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการมองเขา และกลับมาดูตัวเราอย่างตรงไปตรงมา เพื่อตั้งคำถามและหาทางแก้ไขปัญหาStanley park ในนครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาที่มาของภาพ https://pixabay.com/photos/stanley-park-vancouver-4539852/หรืออย่างในเรื่อง “ปรากฏการณ์เฟอร์บี้” ซึ่งช่วง 7 - 8 ปี ก่อนหน้านี้ สังคมไทยเราฮิตการอุ้มตุ๊กตาเฟอร์บี้ แล้วถ่ายรูปลงสื่อ Social Media หรือเดินอุ้มโชว์ไปในที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องการันตีว่าเป็นผู้อยู่ในกระแส โดยเจ้าตัวตุ๊กตาเฟอร์บี้นี้เป็นสัตว์เลี้ยงหุ่นยนต์ รูปร่างหน้าตาเหมือนนกฮูกผสมกับหนู สามาถพูดได้ ขยับตาได้ เรียกได้ว่าสามารถโต้ตอบคล้ายกับสัตว์เลี้ยงจริง ๆ และด้วยความที่ตัวหนึ่งราคาไม่ต่ำกว่า 4,000 – 5,000 บาท หรือบางตัวราคาสูงเป็นหมื่น หรือเป็นแสนก็มี ซึ่งการเลี้ยงเจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้ในสังคมไทยกลับกลายเป็นการเลี้ยงเพื่อแสดงสถานะทางสังคม กลายเป็นการวิ่งตามกระแส แสดงความทันสมัย ซึ่งแตกต่างจากสังคมของประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือประเทศที่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรม หรือคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งประชากรในประเทศ ไม่มีการตามเห่อหรือใช้ของต่าง ๆ ตามเหล่าเซเลปฯ ดารา นักร้อง หรือแข่งขันกันในเรื่องการวิ่งตามกระแส ซึ่งในเรื่องนี้ที่ผมประทับใจคือ ความเป็นเหตุและผล หากเรามองทุกอย่างด้วยเหตุและผล ก็จะทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมปัญหาของบางสังคมจึงยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือทำไมบางสังคมถึงได้พัฒนาไปอย่างรุดหน้าที่มาของภาพ https://pixabay.com/photos/furby-cute-blue-eye-soft-toy-toys-974707/หนังสือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ เล่มที่ 3 เล่มนี้ สำหรับผมจึงเป็นหนังสือที่มากกว่าการรวบรวมบทความเชิงสารคดี แต่เป็นการย้ำเตือนถึงเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของเรา รวมไปถึงเหตุผลของทุกชีวิตว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ที่เป็นอยู่อย่างนั้นเนื่องมาจากเหตุใด และชี้ชวนให้เห็นว่าเพราะทุกชีวิต ทุกลมหายใจล้วนมีเหตุผลเป็นตัวขับเคลื่อน สิ่งสำคัญคือเมื่อรู้และเข้าใจเหตุและผลของสรรพสิ่งอย่างถูกต้องแล้ว จะดำเนินการต่อไปอย่างไรเพื่อให้พบกับจุดหมายปลายทางที่งดงามที่สุด ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน