หนังสือเรื่อง แล้วชีวิตก็บอกกับเราว่าผู้เขียน: นิ้วกลมพิมพ์ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2560, 304 หน้าจัดพิมพ์โดย: สำนักพิมพ์ KOOB ในเครือบริษัทเลี้ยงลูกด้วยนม จำกัด กรุงเทพมหานครราคา 199 บาทหนังสือเล่มนี้ จำได้ว่าได้มาจากน้องสาว ลายเส้นรูปผู้ชายคนหนึ่งประดับพื้นสีขาวบนปกหนังสือ วงกลมใหญ่สีฟ้าเขียว ทำให้สายตาไปสะดุดกับข้อความสั้นๆ บนปกหนังสือ “แล้วชีวิตก็บอกกับเราว่า” ทำให้ต้องยื่นมือรับมันมา ก่อนเปิดอ่าน มีสองคำถามที่เกิดขึ้นในใจ คำถามแรกคือ ชีวิตของคุณนิ้วกลมบอกอะไรเค้าบ้างนะ และแน่นอนคำถามที่สองที่เราหันกลับมาถามตัวเอง แล้วชีวิตเราล่ะ บอกอะไรเราบ้างนะตัวหนังสือที่วางอย่างไม่แน่นเต็มหน้ากระดาษจนเกินไป ลายเส้นรูปภาพที่เป็นตัวปูไปสู่เนื้อหาในแต่ละบท ชวนให้เรา “รู้สึก” หรือ “ครุ่นคิด” รวมทั้งเรื่องราวในชีวิตที่คุณนิ้วกลมนำมาถ่ายทอดนั้นเป็นเรื่องที่ผู้เขียนคิดว่าไม่ไกลตัว และชวนให้เรามองเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเหล่านั้นอย่างเข้าใจท่ามกลางโลกที่ร้อนๆหนาวๆในชีวิตของเรา การได้อ่านหนังสือเล่มทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่น ราวกับว่าได้นั่งฟังพี่ชายเล่าประสบการณ์ชีวิตอันยืดยาว ได้เห็นแง่มุมต่างๆที่เราเองไม่คาดคิด และเราก็นั่งตาแป๋วฟังอย่างตั้งใจ ไม่รู้จักเบื่อเลยทีเดียว ผู้เขียนจะขอหยิบยกเอาบางส่วนจากในหนังสือที่ทำให้ตัวผู้เขียนนั้นประทับใจ มาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้เวลาเริ่มต้นที่ดีที่สุด บทนี้ถึงกับทำให้ผู้เขียนเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ผลัดวันประกันพรุ่งมาเสียนาน อย่างการเขียนบันทึกประจำวัน เพราะเอาแต่คิดว่าจะเริ่มลงมือตอนปีใหม่ แต่ก็ผ่านมาหลายปีใหม่เหลือเกินจากวันที่คิดเอาไว้ และพอฉุกคิดได้อีกทีก็ล่วงเลยมากลางปี เราก็วนไปตั้งเป้าหมายไว้ที่ปีใหม่อย่างเดิม คุณนิ้วกลมถามทิ้งท้ายไว้ก่อนจบบทว่า “เริ่มเลยไหมครับ” เริ่มแล้วละค่ะ เพราะเวลาเริ่มต้นที่ดีที่สุดก็คือเดี๋ยวนี้ที่หัวใจพองโตความสุขจากความยาก อ่านเรื่องนี้ไปก็พยักหน้าตามเบาๆ ตบเข่า แล้วร้องอย่างเห็นด้วยในใจว่า ..เออ..จริง เพราะอะไรก็แล้วแต่ที่เราได้มาด้วยหยาดเหงื่อ ทุ่มเท หรืองานชิ้นไหนที่ต้องแก้ปัญหาแล้วปัญหาเล่ากว่าจะเสร็จ มักจะมีคุณค่า มีความหมายกับเรามากกว่างานชิ้นไหน ๆ Bad Day ใครก็มีวันแย่ๆ ด้วยกันทั้งนั้น วันที่คุณนิ้วกลมเขียนเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในวันแย่ๆของเขา และเขาก็ทำให้ผู้เขียนเองได้ฉุกคิดตามประโยคทิ้งท้ายที่ว่าในวันแย่ๆ ผมคิดว่ามีโอกาสเกิดสองสิ่งที่เป็นไปได้ หนึ่ง,เราจะมองโลกมืดหม่นไปเสียทุกอย่าง สอง,ความมืดหม่นนั้นกลับทำให้เราเห็นแสงสว่างชัดกว่าเคย...นิ้วกลม... บางทีเราก็จมอยู่กับความเศร้าจนลืมคนรอบตัวที่คอยเคียงข้างให้กำลังใจเราอยู่เสมอ และหนึ่งในนั้นก็คือแสงสว่างจากคุณนิ้วกลมหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มหนึ่งในชีวิต ที่ได้อ่านแล้วรู้สึกว่า อยากให้คนอื่น ๆ มีโอกาสได้สัมผัสถึงพลังอันอบอุ่นที่คุณนิ้วกลมตั้งใจรังสรรค์ แม้จะเขียนไว้นานหลายปีแล้ว แต่เชื่อเหลือเกินว่า ไม่ว่าจะอีกกี่ พ.ศ. ก็ยังคง กินใจ เป็นกำลังใจ เติมไฟให้หลายๆคนได้ไปต่อ เหมือนกับที่ตัวผู้เขียนเองนั้นได้รับมา