สงครามกบฏของสรรพสัตว์ แปลโดย บัญชา สุวรรณานนท์ภาพโดย confused_me จาก Pixabay ประเด็นหลักของหนังสือคือ การแสดงให้เห็นว่าความเสมอภาคมีอยู่แค่ชั่วคราว หลังจากเหล่าสรรพสัตว์ร่วมกันยึดฟาร์มจากนายโจนส์ สัตว์ทุกตัวเหมือนว่ามีความเสมอภาค เท่าเทียมกัน แต่พอเวลาผ่านไปสัตว์ทุกตัวก็เป็นผู้ถูกกดขี่ ผู้ถูกปกครองเช่นเดิม โดยเปลี่ยนจากนายโจนส์กลายเป็นพวกหมูที่เป็นผู้ปกครองแทน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ที่ถูกนำไปใช้ในรัสเซียไม่สามารถใช้ได้จริง ซึ่งท่านผู้พันเปรียบได้กับ คาร์ล มาร์ค ที่ริเริ่มแนวคิดการปฏิวัติแต่ไม่ทันได้เห็นผลของการปฏิวัติก็สิ้นลมเสียก่อน จึงไม่รู้ว่าแนวคิดที่ตนเองคิดขึ้นนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ และประเด็นหลักอีกประการหนึ่งคือ การหลีกหนีจากการกดขี่มนุษย์ด้วยกันเอง โดยในหนังสือได้ปรากฏอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากหมูซึ่งเป็นสัตว์เหมือนกันทำตัวเป็นชนชั้นปกครอง กดขี่สัตว์อื่น ๆ เพื่อสนองต่อประโยชน์ และความสุขของตนเองภาพมาร์กซ์ เองเกลส์ และเลนิน โดย OpenClipart-Vectors จาก Pixabayเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ได้หยิบยกเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลก นั่นคือการปฏิวัติรัสเซียในปี ค.ศ. 1917 มานำเสนอในรูปแบบวรรณกรรมเสียดสีการเมือง ซึ่งสะท้อนประเด็นทางด้านสังคมศาสตร์ไว้หลากหลายด้าน อาทิ ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม เป็นต้นด้านการเมือง : ในบทแรก ๆ ของหนังสือเล่มนี้ ได้มีการพูดถึงการเมืองแบบมีส่วนร่วม เห็นได้จากการรวมตัวกันของเหล่าสรรพสัตว์ที่ก่อการกบฏยึดฟาร์มจากนายโจนส์ และมีการลงคะแนนเสียงในเรื่องต่าง ๆ จนกระทั่งมีการยึดอำนาจ (ซึ่งปรากฏในบทที่ 5) จากนั้นการตัดสินใจทางการเมืองในฟาร์มเรื่องต่าง ๆ ก็ตกอยู่ในมือของนโปเลียนหรือท่านผู้นำเพียงฝ่ายเดียว โดยสัตว์ตัวอื่นไม่มีสิทธิ์โต้แย้งใด ๆ แต่ถ้าสัตว์ตัวอื่นมีข้อกังขาหรือข้อสงสัย ก็จะมีสควีลเลอร์เป็นผู้ชี้แจงและคอยอธิบายแก้ต่างให้กับนโปเลียนด้านเศรษฐกิจ : หลังจากการยึดฟาร์มจากนายโจนส์ สัตว์ทุกตัวจะมีการแบ่งงานกันทำตามหน้าที่ ในตอนแรกเหล่าสรรพสัตว์ในฟาร์มจะไม่มีการพึ่งพิงหรือมีการแลกเปลี่ยนสินค้าจากภายนอกฟาร์มเลย แต่ภายหลังได้มีการค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้ากับมนุษย์และฟาร์มอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้เสมอไป จำต้องมีการติดต่อแลกเปลี่ยนกับภายนอกด้านสังคม : จะเห็นได้ว่าตลอดทั้งเรื่องมีการแบ่งชนชั้นเป็น 2 ชนชั้น คือ ชนชั้นผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง ซึ่งก่อนการกบฏของสรรพสัตว์ นายโจนส์คือผู้ปกครอง สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ถูกปกครอง แต่หลังจากยึดอำนาจจากนายโจนส์สำเร็จ สัตว์ทั้งหลายก็เป็นผู้ถูกปกครองเหมือนเดิม แต่หมูกลายเป็นผู้ปกครองแทน และได้มีบัญญัติเจ็ดประการจารึกไว้บนผนัง ซึ่งเป็นกฎกติกาที่สัตว์ทุกตัวต้องปฏิบัติตามร่วมกัน เพื่อความสงบเรียบร้อยของฟาร์มด้านวัฒนธรรม : ในหนังสือเล่มนี้มีการกล่าวถึงบทเพลงสัตว์แห่งอังกฤษอยู่บ่อยครั้งซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการใช้เพลงเป็นสื่อกลางในการปลุกใจ เพื่อให้เหล่าสรรพสัตว์มีเป้าหมายร่วมกัน ดังที่เห็นได้จากการขับร้องเพลงของท่านผู้พันซึ่งทำให้สัตว์ทั้งหลายตื่นเต้นคลุ้มคลั่งระงับอารมณ์ไม่อยู่ และในตอนแรกเหล่าสรรพสัตว์ได้สลัดวัฒนธรรมสมัยนายโจนส์ทิ้งไป แต่ในภายหลังหมูก็ได้รับเอาวัฒนธรรมแบบมนุษย์มาใช้กับตนเอง เช่น การสวมเสื้อผ้า การนอนบนเตียง เป็นต้นแนวคิดที่ส่งผลต่อคนแต่ง (จอร์จ ออร์เวล) ที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ คิดว่าคนแต่งน่ายึดมั่นในแนวคิดแบบสังคมนิยมประชาธิปไตยที่ไม่มีระบบชนชั้น สิ่งที่แอนิมอลฟาร์มพยายามจะนำเสนอจึงไม่ใช่การหนีจากระบอบการปกครองแบบใด แต่หลีกหนีจากการกดขี่ของมนุษย์ที่กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง และชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างอำนาจที่ต่อสู้กันระหว่างผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครองซึ่งตอนท้ายของหนังสือก็แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกวนลูปไปเรื่อย ๆซึ่งผู้เขียนได้ใช้กลวิธีเปรียบเทียบจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ให้ผู้อ่านได้คิดตาม อีกทั้งผู้เขียนยังมีการสร้างบุคลิกของตัวละครได้อย่างแยบยลมีความลื่นไหลและมีพัฒนาการ เห็นได้จากการกระทำของหมูที่ยกระดับตัวเองให้เดินสองขาและมีพฤติกรรมการบริโภคแบบมนุษย์ ซึ่งทำให้ผู้อ่านเห็นภาพและคิดตามว่าตัวละครเหล่านี้ได้ปรากฏอยู่ในสังคมทุกยุคทุกสมัยผู้เขียนได้จงใจใช้ชื่อแมเนอร์ฟาร์มซึ่งเป็นฟาร์มของนายโจนส์ในตอนแรกก่อนเปลี่ยนเป็นแอนิมอลฟาร์ม โดยคำว่าแมเนอร์ตามรากศัพท์ดั้งเดิมหมายถึงบ้านหรือคฤหาสน์ซึ่งใช้เรียกที่อยู่อาศัยของขุนนางสมัยกลาง แต่นอกจากนี้แมเนอร์ยังหมายถึงหน่วยของการปกครองในระบบศักดินาและเป็นหน่วยมูลฐานทางเศรษฐกิจอันเป็นแหล่งที่มาของรายได้เพื่อเลี้ยงชีพของชนชั้นปกครองในสมัยกลาง และเศรษฐกิจในแมเนอร์ก็มุ่งให้มีความสามารถในการเลี้ยงตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยผลผลิตจากภายนอก ซึ่งตรงกับเนื้อเรื่องในแอนิมอล ฟาร์ม ที่ในตอนหลังแอนิมอล ฟาร์ม ได้เปลี่ยนชื่อกลับไปดังเดิมคือแมเนอร์ฟาร์ม ดังนั้นสิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะสื่อคือ ความเสมอภาคมีอยู่แค่ชั่วคราวในช่วงแอนิมอล ฟาร์มเท่านั้น แต่ในภายหลังก็กลับกลายเป็นแบบเดิมนั่นเอง...หากผู้อ่านสนใจอ่านหนังสือเล่มนี้สามารถสั่งซื้อแบบออนไลน์ได้ที่ร้าน Readery โดยกดเข้าไปที่ลิ้งได้เลย (ตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาเต็มด้วยนะ)ภาพโดย thejakesmith จาก Pixabay อ้างอิงประวัติและลัทธิเศรษฐกิจ. โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.จอร์จ ออร์เวลล์. Animal Farm. แปลโดย บัญชา สุวรรณานนท์. ไต้ฝุ่น สตูดิโอ.