สวัสดีค่ะวันนี้จะมารีวิวเที่ยวปีนัง มาเลเซีย 7 วันกับงบ 1,500 บาท ที่ได้เที่ยวทั้งเมือง ชนบท น้ำตก ภูเขา ป่า ทะเล (หาดใหญ่-ปีนัง) ...เริ่มต้นที่เราสมัคร workaway คือเป็นโครงการประมาณว่าให้เราเป็นอาสาสมัครช่วยโฮสต่างประเทศ 180 กว่าประเทศทั่วโลกจะเลือกไปไหนก็ได้ โฮสจะมีที่พักให้ แต่เราจะไม่ได้ค่าตอบแทน ซึ่งเราต้องจ่าย 38$ เพื่อลงทะเบียนสำหรับเป็นสมาชิกระยะเวลา 1 ปี (อันนี้ขอไม่รวมค่างบที่ไปเที่ยวนะคะ) ขั้นตอนการติดต่อคือส่งข้อความผ่าน website ของ workaway.info ส่ง request ไปว่าเราอยากช่วยอะไร และเราทำอะไรได้บ้าง โฮสมีงานให้ช่วยหลายแบบมาก เช่น Gardening, help with tourists, babysitting, charity, art, housekeeping, painting,cooking และอื่นๆอีกมากมาย สถานที่ก็จะต่างกันแล้วแต่ความสนใจของคนที่อยากทำอาสา ซึ่งเราตอนแรกนั้นเลือกส่งข้อความหาโฮสที่อยู่ลังกาวี ไปอ่านรีวิวมาว่าดีมาก ทำอาสาเกี่ยวกับ Guesthouse และใกล้หาดใหญ่ ไปไม่ยาก (เรากลับบ้านพอดี) โฮสก็ตอบตกลง เราเลยชวนพี่สาวไปด้วย แต่พอคุยไปคุยมาปรากฎว่า Guesthouse ที่มีข้อมูลอยู่ใน website นั่นยังไม่ได้อัพเดต คือว่าโฮสขาย Guesthouse ไปที่ลังกาวีไปแล้ว ย้ายมาทำ Guesthouse ใหม่ที่ปีนัง ตอนนั้นก็แบบ เออปีนังก็ได้ยังไงก็เป็นเมืองท่องเที่ยว ...Day 1 เรากับพี่นั่งรถตู้จากหาดใหญ่ไปปาดังเบซาร์ 50 บาทแล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์ 50 บาทไปสถานีรถไฟปาดัง นั่งรถไฟจากปาดังไปลง Butterworth 11.4 RM พอวันไปถึงโฮสมารับแต่ก็คือพีคอีก Guesthouse ที่ว่านั่นอยู่นอกเมืองมาก ไม่มีเซเว่น ไม่มีรถประจำทาง คนในเมือง Mengkuang ไม่พูดภาษาอังกฤษ เราเลยต้องใช้ภาษามือ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะได้ที่พักดีมากกก ห้องค่อนข้างใหญ่ มีแอร์ พัดลม ทีวีให้ คือดีจริง แต่!! ขนาดสายชาร์จเราไม่สามารถชาร์จได้เพราะปลั๊กไฟที่นู่นจะใหญ่กว่า เลยขอให้โฮสพาไปซื้อนางก็พาไปซื้อ ใจดีมาก. วันแรกไม่ได้ทำอะไรเพราะไปถึงก็เย็นมากแล้ว ...Day 2 พอตื่นเช้าก็ไปร้านน้ำชา ที่นี่จะสว่างประมาณ 7 โมง เวลาเดินเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชม. คนที่นี่เราเชื่อเลยจริงๆว่ากินน้ำชาแทนน้ำเปล่าได้เลยอ่ะ เกือบทุก 100 เมตร จะมีร้านขายน้ำชา โอเลี้ยง ชาเย็น ชามะนาว บลาๆๆ พอ 9 โมง โฮสก็มารับเพื่อพาเราไปดูฟาร์มที่จะทำที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวเพราะเมืองนี้ใกล้เขาที่สวยมากชื่อ Suling Hill พอไปถึงฟาร์มโฮสก็โชว์รูปที่วาดไว้ว่าอยากให้เราช่วยตรงไหน คือ ช่วยขุดดินละก็ปลูกต้นสัปปะรด โฮสแค่บอกงานให้ดูหลังจากนั้นก็มาส่งเราที่ที่พัก เราก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอนอย่างเดียว55555 แต่พอตกเย็นอยากไปเดินเขา Suling hill มาก แต่คือไม่อยากรบกวนโฮสให้ไปส่ง จะเดินไปก็ 3 กิโล รู้สึกว่าไกล เลยไปสั่งข้าวกินที่ใกล้ๆร้านน้ำชา และแกล้งๆถามคนแถวนั้นว่าไปเขานี้ยังไงคะ เค้าก็บอกว่า ok wait เราก็รอสัก 10 นาที เค้าก็พูดกับคนอีกคนภาษามลายู ซึ่งเราก็ไม่รู้เรื่องแต่หลังจากนั้นเค้าก็ขับมอไซต์มาสองคัน ให้เราซ้อนคันนึง พี่เราซ้อนอีกคันนึง แล้วก็พาไปที่ทางเดินขึ้นเขาโดยที่ไม่เก็บค่ารถ คือใจดีมากๆ ได้แต่พูดขอบคุณเค้า พอไปถึงก็เจอ กลุ่ม hiking group ของคนที่ชอบเดินป่าเดินเขาของเมืองนี้ เราก็เลยขอเค้าเดินด้วยเลย เค้าก็เฟรนลี่มากๆ ชวนคุยตลอดทางว่าเรามาจากไหน มาทำอะไร มาอยู่กี่วัน อะไรประมาณนี้ พอเดินขึ้นเขาไปชมวิวคือสวยมากๆๆๆ โคตรชอบ มันแบบ feel good มากตอนดูพระอาทิตย์ตก พอเดินลงจากเขาก็ยังคงพูดกับกลุ่มพี่เค้าตลอดทาง ขอให้พี่เค้าถ่ายรูปให้ และแบกความด้านของตัวเองขอติดรถยนต์กลับด้วย และทุกคนก็มารวมกันที่ร้านน้ำชาเหมือนเดิม กินชา กาแฟแทนน้ำเปล่ากันเลยทีเดียว ...Day 3 เราช่วยโฮสทำงาน เป็นงานที่ไม่ยากทำแปปเดียวแค่ 2 ชั่วโมง ขุดหลุมแล้วก็ปลูกสัปปะรด พอถึงตอนเที่ยงโฮสก็พาไปกินข้าวแถมเลี้ยงข้าวเที่ยงเราด้วย คือใจดีมาก เราอยู่ที่เมืองนี้ วันที่ 19-23 ธ.ค. คือจ่ายวันละไม่เกิน 100 บาท เพราะของถูกมาก ชาเย็นแก้วละ 1 RM (ประมาณ 8 บาท) ได้ถุงใหญ่มาก อันนี้ชอบสุดเพราะเป็นคนชอบกินชาเย็น ...Day 4 ตอนเช้า 9 โมง โฮสก็มารับไปช่วยปลูกต้นสัปปะรด แต่วันนี้มีของเล่นใหม่ คือ ตุ๊กแก 9 ตัวที่จะเอามาเลี้ยงในฟาร์ม เหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง คือ งงมาก ในฟาร์มก็จะมีคนงานที่ทำกรงให้ตุ๊กแกอยู่ ซึ่งเราก็ชอบสัตว์ประเภทนี้อยู่แล้ว เลยมีโอกาสได้เล่นและป้อนใส้เดือนให้มัน แต่มันดุมาก คนงานที่นี่ใจดีมาก ถึงบางคนจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่เค้าก็พยายามจะสื่อสารกับเราผ่านภาษากายต่างๆ เราชอบความใจดี ความเฟรนลี่ของคนที่นี่ พอตอนเที่ยงโฮสก็พาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงอีก กินแบบอิ่มมาก กลับห้องมาก็หลับอย่างเดียว พอตอนเย็นก็ไปเดินเล่นที่เขา แต่คราวนี้คงต้องเดินเพราะไม่กล้าไปขอให้คนที่ร้านข้างไปส่งแล้ว เกรงใจเค้า พอเดินไปได้สักพักก็มีพี่คนนึงกับเด็กตัวเล็กๆ อีก 2 คน เค้าพยายามจะพูดภาษาอังกฤษ เราจับใจความได้ว่า เค้าถามเราว่าจะไปไหน เราก็บอกว่าไปเขา แล้วเค้าก็เอามือมาตบที่เบาะรถ เราก็เลยรู้เลยว่าเค้าจะไปส่ง เห็นแบบนี้ก็ไม่รอช้าค่ะ รีบขึ้นทันที กลายเป็นว่า ซ้อนกันไป 5 คน เราสงสารเด็กที่นั่งรถตรงกลางน่าจะโดนเราเบียด5555 พอไปถึงเราก็ขอบคุณ แล้วก็ไปถ่ายรูปกับพี่ หันไปดูข้างๆ คือพี่เค้าก็ยังไม่ไปไหน สรุปคือ รอเราถ่ายรูปให้เสร็จและจะไปส่งที่หน้าถนน โอ้ยยใจดีมากน้ำตาจะไหล ก็ได้แต่พูดขอบคุณพี่เค้าไป ...Day 5 วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้ช่วยโฮส แต่วันนี้ไม่ต้องไปปลูกต้นไม้แล้ว โฮสให้เราช่วยแพคเนื้อไก่ แพคละ 1 กิโล โดยใน 1 แพคจะต้องมี น่องไก่ สะโพก อก ปีกไก่ เราก็ช่วยแพคกันกับพี่สาว ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง วันนี้นานหน่อยเพราะต้องเอาไก่ที่มัน freeze อยู่ล้างน้ำรอให้มันหายแข็ง แล้วแยกชิ้นส่วนเพื่อแพค ติดสติ๊กเก้อแบรนด์ของที่ร้านแล้วน้ำไปแช่แข็งอีกรอบ พอทำเสร็จโฮสก็บอกว่าวันนี่จะพาไปกินข้าวที่งานแต่งงานเพื่อน เราก็รีบเดินกลับที่พักเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปกินข้าวฟรี5555 เป็นงานแต่งของคนมาเลเซียที่แบบงานดูหรูหรา ยิ่งใหญ่ คนเยอะ กับข้าวเป็นบุฟเฟ่ตักเอง คนที่นี่จะกินข้าวกับมือเปล่าไม่ใช้ช้อน เอาจริงๆงานแต่งเค้าก็เหมือนของคนไทยนี่แหละ โลเคชั่นงานแต่งดีมากติดทะเล มองออกไปเป็นเกาะปีนัง หลังจากกินข้าวเสร็จโฮสก็จะพาไปน้ำตกส่วนตัวของเพื่อนโฮส แต่พอโทรไปเพื่อนโฮสบอกว่าวันนี้มีแขก เราก็เค้าใจว่าวันนี้คงไม่ได้ไปน้ำตก แต่คือโฮสก็ขังรถพาไปน้ำตกที่ห่างจากบ้าน 40 โล เพราะโฮสบอกว่าเค้าเป็นคนที่รักษาคำพูด เห่ยยยเดี๋ยว 40 โล นั่นมันไกลมากนะ ขับรถข้ามรัฐเลยอ่ะ ยอมใจในความใจดีแล้ว ...Day 6 โฮสมาส่งที่สถานีรถไฟตอนเช้า 7.30 น. นะหว่างทางก็คุยกันปกติ เราก็พูดขอบคุณนางที่ให้เราได้ประสบการณ์เยอะขนาดนี้ นางก็บอกเราหลายประโยคมากที่ทำให้เราคิดว่าเห่ยยประโยคมันได้ ที่เราจำได้ก็คือ “Dont forget Whan, Everything comes out from your mind” “ Dont worry about everything, Life is easy” “Use feeling to motivate people” “Be positive in what position you are” มันได้มาก เราชอบมากประโยคแบบนี้ เรายังได้รู้เกี่ยวกับโฮสคือ จริงๆเค้าก็ชอบเที่ยว แต่งานเค้าเยอะทำให้เค้าไม่สามารถออกไปเจอโลก การเปิดรับ volunteer ก็เหมือนการที่ทำให้โลกภายนอกมาหาเค้า และคนที่เป็น volunteer ที่เคยมาช่วยตอนอยู่ลังกาวี เป็นผู้หญิงอายุแค่ 17 ปีเอง เดินทางมาจากยุโรปคนเดียวด้วย ตอนนั้นเราแบบแม่งโคตรเจ๋ง!!!! จากนั้นเราก็บอกลาโฮสต์ และนั่งเรือข้ามฝากไปเกาะปีนัง เราขึ้นรถเมล์ฟรีไปลงที่โฮลเทลที่จองไว้ประมาณ 200 กว่าบาท แต่ยังเช็คอินไม่ได้ เลยขอฝากกระเป๋าไว้แล้วไปเดินป่าที่ Penang National Park นั่งรถเมล์จากในตัวเมืองไปที่นั่นประมาณเกือบชั่วโมง และใช่เวลาเดินเพื่อไปหาด Pantai Kerachut 1 ชั่วโมง 20 นาทีได้ ไปกลับก็ประมาณ เกือบ 3 ชั่วโมง รวมแวะถ่ายรูป ทางเดินก็จะชื้นตลอดทาง ไม่มีทากเพราะดินส่วนใหญ่เป็นดินทราย เราชอบการเดินป่ามาก มันเหนื่อยแต่สนุก เดินๆไปจะเจอน้ำตกเป็นช่วงๆ เจอทะเลสาบที่มีทางเชื่อมต่อกับทะเล สวยมากๆ พอเดินป่าเสร็จก็นั่งรถกลับที่พัก เช็คอินเข้าที่พัก เก็บของและออกมาหาไรกิน แล้วก็กลับเข้าห้องนอน มันเป็นคืนคริสต์มาสที่เสียงดังมาก แต่เราไม่ได้ออกไปดูเพราะเหนื่อยจากการเดินป่า เรามีความรู้สึกว่าในเมืองปีนังมันไม่ค่อยมีอะไร แต่อาจจะเป็นเพราะเรามาที่นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วมั้ง ...Day 7 เราตื่นเช้าเพื่อมากินข้าวเช้าฟรี555 กลัวคนอื่นแย่งผลไม้ และ check out ตั้งแต่ 9 โมง ละมาข้ามฝากไปซื้อตั๋วรถไฟ 11.4 RM กลับไปปาดังเบซาร์ พอถึงสถานีปาดังก็นั่งรถวินมอเตอร์ไซค์ 50 บาทไปคิวรถตู้กลับหาดใหญ่ ค่าตั๋วกลับหาดใหญ่ก็ 50 บาท วันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาก เหนื่อยกับการนั่งรถ แต่รถไฟมาเลโคตรดีเมื่อเปรียบกับรถไฟไทย ...สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับเราคือประมาณ 1,500 บาท สำหรับการเที่ยว 7 วัน เราเริ่มต้นจากหาดใหญ่นะคะ ค่าใช้จ่ายหลักๆคือ ( 1 RM = 8 บาท) -ค่ารถไฟ 22.8 RM -รถตู้ + มอไซต์ 200 บาท -Simcard 18 RM -ค่าอาหาร (บางมื้อที่โฮสไม่ได้เลี้ยง) ส่วนใหญ่คืออาหารที่เมืองที่เราไปอ่ะถูกมาก ข้าวจานละ 25 บาทเทียบเป็นเงินไทย น้ำแก้วล่ะ 8 บาท ขนมชิ้นละ 3-4 บาท และส่วนใหญ่โฮสก็จะพาไปเที่ยว เราขอติดรถคนในหมู่บ้านไปเที่ยวเอง และเดินซะส่วนใหญ่ ..ขอจบการรีวิว อยากให้คนที่อ่านลองไปเปิดประสบการณ์ที่ไม่เคยทำ ใครอยากเที่ยวก็ไปเลย อย่าลังเล เราอยากให้ไปมาก ถึงเราจะไม่ได้มีเงินมากเราก็ไปได้เพียงแต่เราจะ take a risk or lose a chance SOURCE FROM MY FACEBOOK : Whan Pemika