Mt. Aso, Kumamoto, Japan ไม่มีใครไม่รู้จักภูเขาไฟ ความสวยงามตามธรรมชาติที่มาพร้อมกับความอันตราย ไม่รู้ว่าวันใดมันจะปะทุขึ้นมาและก่อนความเสียหายให้แก่ผู้คนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อได้ยินคำว่าภูเขาไฟผู้คนล้วนอยากจะไปสัมผัสและชื่นชมมันสักครั้งหนึ่งในชีวิต วันนี้เรามีภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามติดอันดับภูเขาไฟที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นมาให้ทุกคนได้รับไว้พิจารณา เผื่อว่าหมดวิกฤตโควิดนี้แล้วมีใครวางแผนจะไปญี่ปุ่นแต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ลองรับภูเขาไฟอะโสะไว้ในอ้อมใจดูก็แล้วกันนะคะ ย้อนความก่อนว่าเราเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2019 ก่อนที่โควิดจะเริ่มระบาดแค่ไม่กี่เดือนซึ่งน่าจะเป็นช่วงหน้าหนาวของที่นั่นอากาศจึงแห้งและหนาวมาก ช่วงนั้นมีเที่ยวบินตรงจากสุวรรณภูมิไปฟุกุโอกะ เมื่อลงเครื่องแล้วไปถึงที่พักตอนนั้นคือไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่พูดถึงญี่ปุ่นนอกจากรถหลากหลายยี่ห้อแล้วก็ต้องภูเขาไฟนี่แหละ เราเลยหาข้อมูลภูเขาไฟที่ใกล้และสามารถไปได้ดูจึงไปเจอว่ามีภูเขาไฟอะโสะอยู่ที่คุมะโมโตะห่างจากเมืองฟุกุโอกะไปประมาณ 150 กิโลเมตร ตอนนั้นก็ตัดสินใจได้ทันทีเลย ไปที่นี่แหละ อยากไปดูสักครั้งว่าเจ้าภูเขาไฟเวลาได้ไปใกล้นี่มันหน้าตาเป็นยังไง การเดินทางจากฟุกุโอกะไปภูเขาไฟอะโสะ การเดินทางของเราใช้รถยนต์เช่าจากร้านใกล้กับสนามบินฟุกุโอกะราคาประมาณ 1300 - 1500 บาทต่อวัน ออกเดินทางจากที่พักเวลาประมาณ 9 โมงเช้า พร้อมกับ Google map อุปกรณ์ช่วยนำทางที่สำคัญเมื่อต้องไปในที่ที่เราไม่รู้จักซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ผล (ตึงโป๊ะ!) แน่นอนว่าครั้งนี้ก็เกือบทำเราพังเช่นกัน โชคดีที่รถที่เราเช่ามามีระบบช่วยนำทางจึงสามารถเอาตัวรอดได้ เวลาที่เราใช้ในการเดินทางโดยประมาณอยู่ที่ 4 ชั่วโมง จากจริงๆ แล้วแค่ประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว ถามว่าทำไมถึงใช้เวลานานน่ะเหรอ? แหะๆ เราหลงอยู่ตรงช่วงที่เขาทำถนนใหม่แล้วต้องใช้ทางเบี่ยง (อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก เลยไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน ToT) จำได้ว่าตอนนั้นวนอยู่ในหมูบ้านแถวนั้นอยู่พักใหญ่ถึงจะเจอทางไปต่อ และเกือบถอดใจกลับที่พักแบบคนกากๆ ผู้หนึ่งจะทำได้แล้วด้วย หลังจากหลงทางมาพักใหญ่ก็ได้เวลากลับมามีกำลังใจเต็มเปี่ยมอีกครั้ง เราขับรถไปตามทางเส้นทางที่ระบบนำทางของรถนำไปจนถึงจุดจอดพักรถก่อนถนนขึ้นภูเขาไฟอะโสะที่ Aso Station ซึ่งมีร้านอาหารและซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เราสามารถพักรับประทานอาหารและซื้อของฝากได้ อีกทั้งยังมีผลผลิตจากคุมะโมโตะและพื้นที่โดยรอบมากมายให้ได้เลือก หรือจะเดินออกไปนิดหน่อยเพื่อนั่งทานราเม็งที่ร้านคุณยายใกล้ทางเข้าสถานีก็ได้เช่นกัน รูปนี้เราถ่ายจากร้านราเม็งที่อยู่หน้าสถานีอะโสะ ถ้าไม่อยากขับรถเข้าไปในสถานีเพียงแค่อยากนั่งกินราเม็งชิว ๆ แล้วเดินทางต่อก็สามารถจอดรถที่หน้าร้านได้ แต่หากใครเป็นแฟนวันพีชและชื่นชอบตัวละครตัวหนึ่งที่มาพร้อมกับเรือลำแรกของกลุ่มหมวกฟางเราขอเสนอให้เดินเข้าไปในสถานีนี้สักหน่อย แล้วคุณได้รับความรู้สึกแช่มชื่นในหัวใจกลับมา เติมพลังด้วยราเม็งเสร็จแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ การขับรถขึ้นภูเขาไฟอะโสะนั้นเป็นอะไรที่ฟินมาก ตลอดเส้นทางช่วงแรกรายล้อมไปด้วยป่าสนสีเขียวทึบ เวลานั่นรถแล้วเปิดหน้าต่างนิดหน่อยก็จะมีอากาศเย็นของฤดูหนาวพัดเข้ามาปะทะหน้าจนชาวาบพร้อมกับกลิ่นใบสนสดชื่น ยิ่งเราขับรถขึ้นเขามาเรื่อยๆ จะยิ่งเห็นความแห้งแล้งในช่วงฤดูหนาวของอะโสะเพิ่มมากขึ้น ภูเขาโดยรอบเต็มไปด้วยหญ้าแห้งสีน้ำตาล มีเพียงต้นสนเท่านั้นที่ยังคงสีเขียวเอาไว้ได้ในช่วงนี้ ตลอดทางไปยังภูเขาไฟอะโสะจะมีภูเขาโผล่มากให้เราเห็นเป็นระยะๆ คนที่นั่งตื่นเต้นอยู่ข้างที่นั่งคนขับอย่างเราก็จะแบบ เอ๊ะ ถึงหรือยังนะ ทำไมไม่ว่าภูเขาลูกไหนๆ ก็ดูคล้ายว่าจะใช่ไปเสียหมด ตลอดทางเราแทบไม่เจอรถผ่านไปมาเลย ภาพข้างบนนี้เป็นถนนช่วงสุดท้ายก่อนจะขึ้นถึงภูเขาไฟอะโสะแล้วค่ะ ลักษณะถนนจะวนขึ้นเขา ต้องมีความระมัดระวังมากในการขับรถ อีกอย่างคือถนนที่ประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเล็กและแคบในความคิดเรา รถในประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะเล็กตามถนนไปด้วย แฮ่! อันนี้ไม่รู้นะ แต่ถนนหนทางบ้างเขาเล็กจริงๆ หลังจากขับรถมาเป็นเวลานานเราก็มาถึงเสียที ภูเขาไฟอะโสะที่เราตามหาอยู่ตรงหน้าแล้ว เราหยุดจอดรถที่จุดชมวิวอยู่ครู่หนึ่งเพื่อชมความอลังการและแน่นอนเพื่อแชะรูปกลับไปเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้มาเยือนแล้วนะ ความรู้สึกตอนนั้นที่ลงจากรถแล้วเห็นภูเขาไฟอยู่ไกลๆ มันดีมากจริงๆ การที่เราเกือบจะยอมแพ้และล้มเลิกการเดินทางมาที่แห่งนี้แต่สุดท้ายก็พยายามที่จะไปต่อมันรู้สึกตื้นตัน เป็นปลื้ม และเติมเต็มแบบสุดๆ ที่สุดท้ายก็มาถึง อย่างที่เขาบอกว่าเป้าหมายมีไว้พุ่งชน แม้จะขับรถวนจนหลงก็ต้องไป เอ๊ะ! เดินชมความงามของภูเขาไฟหามุมถ่ายรูปสไตล์คน cool cool ชื่นชมความงามในระยะไกลจนพอใจแล้วก็ถึงเวลาเดินสำรวจเพื่อหามุมถ่ายรูปลง Instragram เห็นใจภาพเหมือนเล็กๆ แต่ที่จริงแล้วภูเขาไปอะโสะมีขนาดใหญ่มากและที่สำคัญพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้าโดยรอบก็กว้างมาก หากใครไม่ขี้เกียจก็เดินกันไป แต่หากใครขี้เกียจไม่อยากเดินมาก ที่นี่มีม้าให้ได้นั่งชมความงามของทิวทัศน์โดยรอบพร้อมคนจูงหนึ่งตำแหน่ง (แอบกระซิบนิดนึงว่าม้าตัวใหญ่มาก) ส่วนราคาเราก็ไม่ทราบเช่นกันเพราะเราเดินเอา ตุ้งแช่! ไม่รู้ว่าทุกคนเห็นม้าหรือเปล่าเพราะเราถ่ายจากที่ไกล แต่นั่นแหละ ใครอยากขี่ม้าถ้ามีโอกาสไปเยี่ยมเยือนอะโสะก็สามารถไปลองกันได้ เราว่าก็คงได้ความรู้สึกอีกแบบ เห็นภาพนี้แล้วนึกถึงเพลง Old town road ของ Lil Nas X ขึ้นมาเลยทีเดียว วันที่เราไปภูเขาไฟมีควันเยอะก็เลยไม่ค่อยอยากเสี่ยงเดินไปใกล้ปากปล่องภูเขาไฟมากนัก เราตัดสินใจเลี้ยวหัวกลับไปเดินในทุ่งหญ้าหามุมถ่ายรูปริมบ่อน้ำเล็กๆ อีกด้านหนึ่งแทน มุมถ่ายรูปที่นี่เยอะมากเหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเป็นที่สุด เราใช้เวลาเดินสำรวจอยู่ประมาณ 2 - 3 ชั่วโมงก็ต้องขับรถกลับที่พัก อีกทั้งหากอยู่จนพระอาทิตย์ตกดินตอนขับรถกลับลงเขาจะค่อนข้างอันตรายก็เลยต้องรีบพากันลงมาก่อนทั้งที่ใจจริงไม่อยากกลับเลย เรามีภาพระหว่างทางกลับมาให้ทุกคนด้วย ถึงจะไม่ใช่วิวภูเขาไฟแต่ก็สวยไม่แพ้กัน เราแวะจอดรถตรงจุดที่มีไหล่ทางและสามารถชมวิวได้เป็นระยะระหว่างการขับรถลงจากเขาอะโสะ เมื่อลงมาถึงพื้นที่ราบด้านล่างเพื่อขับรถกลับที่คุมะโมโตะก็ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินพอดี วิวพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยมากสมชื่อดินแดนอาทิตย์อุทัยจริงๆ การเดินทางในครั้งนี้ทำให้โลกของเรากว้างมากขึ้นเหมือนเป็นการเปิดโลกทัศน์ของเราให้ไกลขึ้นกว่าเก่า เรารู้สึกประทับใจการเดินทางในครั้งนี้มาก ไม่ว่าเป็นตอนที่หลงทางและเกือบยอมแพ้กลับที่พัก หรือเป็นตอนที่รู้ว่าการมีความหวังและตั้งหน้าเดินทางต่อไปของเราไม่สูญเปล่า ความสวยงามและบรรยากาศที่ได้สัมผัสซ่านอยู่ในอก คิดถึงทุกครั้งก็เป็นหนึ่งในความสุขสำคัญของชีวิต สุดท้ายนี้ก็ต้องขอจบการรีวิวฉบับมุขฝืดเอาด้วยภาพพระอาทิตย์สุดท้ายของวันระหว่างทางกลับฟุกุโอกะก็แล้วกันนะคะ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า บ๊ายบาย (ส่งจูบให้ด้วยเลยเอ้า) แผนที่ภูเขาไฟอะโซะ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !