ทุกวันนี้ อยู่เฉย ๆ กันไม่ได้แล้ว การศึกษามีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม ความต้องการของตลาดแรงงาน รวมทั้งให้มีความต่อเนื่องหรือสอดคล้องกันในระดับต่าง ๆ Entrance และ Exit Exam เป็นเครื่องมือที่สถาบันการศึกษานำมาใช้ มาทำความรู้จักกันดีกว่าเรารู้จักคำว่า entrance ที่แปลว่า ทางเข้า และ exit แปลว่าทางออก เราคงคุ้นหูกับคำว่า Entrance Exam ซึ่งหมายถึงการสอบเข้าเรียนต่อในสถาบันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในระดับโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัย เช่น การสอบคัดเลือกนักเรียนใหม่ของโรงเรียน หรือ การจัดสอบคัดเลือกนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ Exit Exam ล่ะ ..คุ้นหูไหม ทุกวันนี้มีสถาบันการศึกษาหลายแห่งจัดให้มีการสอบที่เรียกว่า Exit Examination คือ การสอบวิชาอื่นที่นอกเหนือจากหลักสูตรที่เรียนอยู่ เพื่อรักษามาตรฐานหรือเพิ่มคุณภาพให้กับนักเรียนหรือนักศึกษา ให้สอดคล้องกับการเรียนในระดับที่สูงขึ้น และ มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานนั่นเอง วิชาที่กำหนดให้เป็น Exit Exam ส่วนใหญ่ คือ ภาษาอังกฤษ มาเริ่มดูกันที่ระดับโรงเรียน จากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ นักเรียนต้องเรียนวิชาต่าง ๆ ตามหลักสูตร ให้ครบจำนวนวิชาและชั่วเรียน พร้อมทั้งต้องสอบให้ผ่านตามข้อกำหนดของหลักสูตร....และต้องเรียนต้องสอบ English Exit Exam ด้วย ซึ่งทางโรงเรียนจัดให้มี English Exit Examination เพื่อเริ่มมาตราฐานความรู้ด้านภาษาอังกฤษ เช่น กำหนดให้สอบ IELTS ได้คะแนนอย่างต่ำที่ 5.5 หรือ สอบTOEFL ITP ได้ 500 คะแนนขึ้นไป โรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ว่าถ้าจะจบHigh School นักเรียนต้องสอบให้ผ่านวิชาต่าง ๆ ตามหลักสูตร และเพิ่มแติมด้วยการสอบผ่าน Exit Exam ตามที่โรงเรียนกำหนด ส่วนคะแนน English Exit Exam จะบันทึกไว้ใน Transcript ของนักเรียน แต่ถ้านักเรียนสอบไม่ผ่าน ทางโรงเรียนอาจจะจัดให้มีการอบรมภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เป็นต้นสำหรับระดับมหาวิทยาลัยนั้น นักศึกษาจะจบการศึกษา คือ ลงทะเบียนเรียนวิชาต่าง ๆ ให้ครบ และสอบผ่านตามหลักสูตร ส่วน Exit Exam เป็นการวัดมาตรฐานด้านอื่นเพิ่มขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่นโยบายของแต่ละสถาบันนั้น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่คือวิชาภาษาอังกฤษ จึงเป็น English Exit Exam เพิ่มขี้น ตัวอย่าง นักศึกษาที่จบปริญญาตรี ต้องเรียนจบตามหลักสูตรและผ่าน English Exit Examination ด้วยการวัดผล English Exit Examinationในระดับมหาวิทยาลัย จะขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบัน เช่น ทางสถาบันจะมีจัดสอบเอง โดยใช้ข้อสอบที่มหาวิทยาลัยกำหนดขึ้น เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล มีข้อสอบ MU ELT(Mahidol University English Language Test) เป็นต้น และบางสถาบันให้นักศึกษาเลือกสอบข้อสอบของสถาบัน หรือ ไปสอบข้อสอบภาษาที่เป็น Standard Test และนำคะแนนมายื่นเพื่อจบการศึกษาได้ Standard Test ที่สถาบันหลายแห่งยอมรับ คือ TOEIC IELTS และ TOEFL ibt เป็นต้น ซึ่งผลสอบเหล่านี้จะมีอายุประมาณสองปี นับว่าเป็นข้อดี เพราะทำให้นักศีกษาสามารถวางแผนการสอบ Exit Exam ได้ล่วงหน้า และสามารถนำผลคะแนนที่ได้ไปใช้ประกอบในการหางานได้อีกด้วยKMITL English Exit Examฉันทำงานโรงเรียนกวดวิชา ได้พูดคุยกับนักศึกษา จัดสอนทั้งกลุ่มและส่วนตัว สำหรับนักศึกษาที่ต้องการสอบ Exit Exam นักเรียนของฉันส่วนใหญ๋ต้องการจะสอบ TOEIC เพื่อใช้คะแนนไปยื่นที่มหาวิทยาลัยเพื่อจบการศึกษา และต้องการนำผลสอบ TOEIC ไปใช้สมัครงานด้วย เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว จะเหนื่อยทั้งทีขอให้ได้ผลคุ้มค่า ฉันเองเห็นด้วยและจะช่วยวางแผนให้น้อง ๆ สอบผ่าน ได้คะแนนตามที่ต้องการ แต่.. นักเรียนจะเก่งภาษาอังกฤษขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริง ความสมำเสอมในการฝึกผนการใช้ภาษา เรียกว่า ต้องมีชั่วโมงบินของตัวเองทุกวันนี้การเรียนในมหาวิทยาลัยไม่ธรรมดานะ มีสอบคัดเลือกเข้าเรียน...ในสถาบันที่เราอยากเรียน เรียนจบครบตามหลักสูตร ยังมีการเพิ่มคุณภาพด้วยการสอบจบ หรือ Exit exam ทางด้านภาษา หรือ อาจจะเป็นข้อสอบที่เกี่ยวกับวิชาชีพเพิ่มด้วย เมื่อเรามีโอกาสได้เข้าเรียนในสถาบันที่เราต้องการแล้ว อย่าลืมวางแผน เรื่องการเรียนและการจบหลักสูตรของเราด้วย ภาพที่ 1 - 3 ผู้เขียนถ่ายเองภาพที่ 4 KMITL English Exit Examภาพปก ออกแบบโดยใช้ Canva7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์