Photo : https://www.rebeccasaw.com “นาซิ เลอมัก” หรือ Nasi lemak เป็นอาหารประจำชาติของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้สร้างความฮือฮาบนเวทีประกวดMiss Universe 2017 ด้วย เมื่อ Samantha Katie James นางงามจากประเทศมาเลเซียสวม “ชุดนาซิ เลอมัก” ในรอบการประกวดชุดประจำชาติ หากใครได้มาเที่ยวในประเทศมาเลเซีย และเดินสำรวจอาหารเช้าแบบพื้นเมือง ก็จะพบ “นาซิ เลอมัก” วางขายอยู่ทั่วไป อาจมีทั้งแบบที่ห่อด้วยใบตองสดและห่อด้วยกระดาษ สนนราคาประมาณ 2-3 ริงกิตมาเลเซีย ซึ่งเทียบกับเงินไทยก็ประมาณ 20-25 บาท ถือว่าเป็นอาหารเช้าที่ไม่แพง หาซื้อง่ายและราคาสมเหตุสมผล ทั้งนี้ หากพักในโรงแรมหรู ๆ บางแห่งก็อาจมี “นาซิ เลอมัก” เสิร์ฟเป็นอาหารเช้าด้วย เป็นอาหารขึ้นชื่อของประเทศมาเลเซียขนาดนี้ มาดูกันสิว่า “นาซิ เลอมัก” ประกอบด้วยอะไรบ้าง Photo : https://itc.gov.my “นาซิ เลอมัก” มีส่วนประกอบหลัก ๆ 3 อย่าง ดังนี้... 1. ข้าว เป็นข้าวสวย คำว่า Nasi ในภาษามาเลย์แปลว่า “ข้าว” ส่วน Nasi lemak ก็คือ “ข้าวมัน” ที่ได้จากกรรมวิธีการหุงด้วยน้ำกะทิ ใบเตย ตะไคร้ ขิงสด และเกลือป่นเล็กน้อย ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออาหารจานนี้นั่นเอง 2. น้ำพริก ไม่ใช่น้ำพริกกะปิแบบไทย ๆ แต่เป็นน้ำพริกที่คนมาเลย์เรียกว่า “sambal” ซึ่งดู ๆ ไปแล้วมีลักษณะคล้าย ‘เครื่องแกงพริกผัดน้ำมัน’ เนื่องจากปรุงด้วยหัวหอมแดงและกระเทียมสับ ผัดกับน้ำมันและพริกแห้งโขลกละเอียด สีสันค่อนไปทางสีแดงน่ารับประทาน ส่วนรสชาติเผ็ดมากเผ็ดน้อยแล้วแต่ชอบ บางครั้งอาจจะเติมเนื้อกุ้งสับหยาบลงไปด้วย 3. เครื่องเคียง เป็นส่วนที่จะเพิ่มลูกเล่นให้การกินนาซิ เลอมัก สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยปกติเครื่องเคียงมักจะมีไข่ต้ม ถั่วลิสงทอด แตงกวาสด และปลาตัวเล็กทอดกรอบหรือไม่ก็ผัดกับพริกแกงพอให้เผ็ดปะแล่ม ๆ นอกจากนี้ อาจเพิ่มปลาหมึกทอดกรอบ ไก่ทอด ปลาทอด หรืออื่น ๆ ได้ตามสะดวก Photo : http://www.vkeong.com “นาซิ เลอมัก” เป็นอาหารพื้นเมืองที่พบได้ทั่วในแถบคาบสมุทรมลายู ทั้งที่มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน และจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยที่มีอาณาเขตติดกับประเทศมาเลเซีย ส่วนใหญ่มักจะนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า ถ้านักท่องเที่ยวรู้จัก “ผัดไทย” ในฐานะอาหารจานเอกของไประเทศไทย “นาซิ เลอมัก” ก็เป็นอาหารจานเอกประเทศมาเลเซียที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด และถ้าจะให้อร่อยมากยิ่ง ขอกระซิบว่าควรรับประทานคู่กับชาชักที่คนมาเลย์เรียกว่า “Teh Tarik”