ในความเงียบสงัดยามวิกาล หัวขโมยสามคนก่อเหตุและเข้าไปซ่อนตัวในร้านชำร้าง ทันใดนั้นก็มีจดหมายลึกลับสอดเข้ามาทางช่องประตู ใครบางคนเขียนเล่าปัญหาชีวิตและขอคำแนะนำจากเจ้าของร้านชำ หัวขโมยทั้งสามจึงนึกสนุกและสวมรอยเขียนตอบเอง แต่จู่ ๆ จดหมายที่เขียนก็หายวับไป...แทนที่ด้วยจดหมายฉบับใหม่ ปรากฏว่าจดหมายที่ว่านั้นถูกส่งมาจากอดีตเมื่อ 40 ปีก่อน! พวกเขาสงสัยว่าร้านชำแห่งนี้น่าจะมีกลไกบางอย่าง ทำให้ติดต่อกับคนในอีกยุคสมัยได้ และคนที่น่าจะรู้ความลับนี้ก็คือ "คุณนามิยะ" เจ้าของร้าน แต่ปัญหาคือเขาจากโลกนี้ไปหลายสิบปีแล้ว! เมื่อมิติแห่งกาลเวลามาบรรจบ...ร้านชำที่เคยช่วยเหลือผู้คนมากมายผ่านจดหมาย จะทำให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้งได้หรือไม่?ข้อความข้างต้นเป็นเรื่องย่อจากปกหลังของหนังสือ "ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ" โดยสำนักพิมพ์นำพุขอชมแบบออกหน้าเลยว่าผมชอบในไอเดียนี้มาก ๆ เพราะสามารถใส่กิมมิคเล็ก ๆ ในเรื่องราวที่เห็นได้ทั่วไปในหนังสือหลายเล่ม อย่างเรื่องของการย้อนเวลา ทำให้เกิดความคิดขึ้นในแวบแรกของความคิดเลยว่า "แล้วเรื่องราวมันเป็นยังไง ? จดหมายที่คนเหล่านั้นส่งมาเป็นเรื่องอะไร ? แล้วคนในอนาคตจะตอบกลับไปยังไง?" พออ่านหนังสือจบแล้วผมรู้สึกทึ่งมาก ในเรื่องราวของการขมวดปม และ โยงเรื่องราวตลอดทั้งเรื่อง ทุกตัวละครเข้าหากันได้อย่างมีชั้นเชิง เป็นหนังสือที่ครบรส ทั้งสุข เศร้า ยินดี และ ตลก รวมกันอยู่ในเล่มเดียว และ ไหน ๆ เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ก็ว่าด้วยเรื่องของจดหมายแล้ว จึงอยากจะเขียนรีวิว พูดถึงความรู้สึกของตัวผมเอง เป็นจดหมายส่งไปเช่นกันครับ ถึง คุณ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ผู้นำเรื่องราวของร้านชำนามิยะออกมาให้ทุกคนได้รับรู้ ขอเริ่มด้วยการชมก่อนเลยครับว่า ผมชอบหนังสือเล่มนี้มาก ๆ ไอเดียของการพูดถึงเรื่องราวของการย้อนเวลานั้นอาจจะเห็นได้ทั่ว ๆ ไป แต่เรื่องของการที่คนทั้งสองฝั่งติดต่อกัน โดยที่ไม่ใช่เรื่องของการทำนายถึงอนาคตให้ฟัง แต่เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของคนในอดีต จากคนในปัจจุบันที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้น สถานการณ์เป็นยังไง ทำให้ผมลุ้นทุกครั้งที่ได้อ่านถึงเรื่องราวของตัวละครต่าง ๆ ที่เผยออกมาทีละเล็กทีละน้อย ถึงปัญหาที่ตนเองนั้นเผชิญอยู่ และ คอยลุ้นด้วยว่ากลุ่มคนซึ่งได้รับจดหมายจากอดีตนั้นจะมีความเข้าใจ และ แก้ปัญหาเรื่องราวเหล่านั้นได้ยังไง อีกเรื่องที่ผมชอบมากในหนังสือเล่มนี้คือ การที่ทุกตัวละครมีความลับ และ แอบมีความเกี่ยวโยงที่ซ่อนอยู่ในทุกตัวละคร ทำให้เราสามารถที่จะติดตามอ่านต่อไปได้เรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อเลย เพราะเราอยากจะรู้ว่า สุดท้ายแล้วคน ๆ นี้จะจบเรื่องราวของตนเองลงแบบไหน ผมอ่านหนังสือจบอย่างรวดเร็วเลยครับใช้เวลาแค่ 2 วันหลังจากที่ได้หนังสือมา แล้วก็รู้สึกดีมากที่ได้อ่าน สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้คือการเข้าใจในคำว่า "ปัญหา" ซึ่งนับเป็นสิ่งที่เราต้องเจอตลอดในชีวิตของคนเรา นั่นคงจะเป็นสิ่งที่คุณ เคโงะ อยากจะนำเสนอใช่ไหมครับ ? เพราะคุณเคโงะ สร้างตัวละครเหล่านั้นขึ้นมาให้มีช่วงวัยที่ต่างกัน ฐานะทางสังคม หน้าตา และ ความสามารถที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนล้วนเชื่อมโยงเข้ามาหากันได้ด้วยปัญหาที่ตนเองพบเจอ และ ร้านชำนามิยะ ก็ทำหน้าที่ในการที่จะรับฟังปัญหาเหล่านั้นและ เสนอแนวทางในการคิดสำหรับปัญหาเหล่านั้น ผมชอบมากที่ร้านชำนามิยะไม่ได้ตอบปัญหาของผู้คนโดยการชี้แนะ เป็นขาว หรือ ดำ ไปซะทีเดียว แต่ให้แง่คิดเพื่อที่จะให้คนที่มาขอคำปรึกษาได้คิดต่อและกลับไปตัดสินใจต่อเอง ในจุดของการตัดสินใจนี่เองครับที่ผมประทับใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวผมเองก็เคยมีปัญหาในชีวิตเช่นกัน และ หลายครั้งเลยด้วยที่ไม่สามารถจะหาคำตอบได้ แม้จะพยายามปรึกษากับใครก็ตาม แต่หนังสือเล่มนี้เหมือนตีหน้าผมอย่างแรงเลยครับ ว่าสุดท้ายแล้ว การตัดสินใจมันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของผมเอง ไม่ใช่ใครอื่น ต้องเป็นตัวเราเองที่เรียนรู้จะก้าวข้ามปัญหา ไม่ใช่เพราะคำบังคับจากใคร นั่นถึงจพเรียกได้ว่าเราเติบโตอย่างแท้จริง สุดท้าย ถ้าไม่พูดถึงผู้แปลก็คงจะไม่ได้ คุณ กนกวรรณ เกศชัยมาศ ผมไม่ได้รู้จักคุณเป็นการส่วนตัว แต่ขอบพระคุณอย่างมากครับ ที่แปลเรื่องราวของร้านชำนามิยะ ให้กลายเป็นภาษาที่เข้าใจได้ในฐานะคนไทย ผมชอบในการเลือก และ ใช้คำในหนังสือเล่มนี้อย่างมากเลยครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ จาก ผู้ที่หลงใหลในปัญหา และชื่นชอบในการแก้ไข ปล. ถ้ามีคนอื่นที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ไม่ว่าด้วยความบังเอิญ หรือ ตั้งใจ คุณอาจจะงง ๆ ว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร และ มันเวอร์เกินไปหรือเปล่า ผมไม่อาจที่จะอธิบายให้ทุกคนเห็นภาพได้ ผมจึงแนะนำให้ลองหยิบเงิน 280 ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูนะครับ ผมมีรูปมาให้ด้วยจะได้หาถูก รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ เครดิตภาพที่ 1 จาก Pixabay.comภาพหน้าปก ภาพที่ 2 / 3 / 4 โดยผู้เขียนสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปเช่น SE-ED book center