"รูเล็กๆ แต่ประโยชน์ไม่เล็ก"...หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยจริงๆว่า ในโลกปัจจุบันการเดินทางไปยังทวีปต่างๆ ที่มีระยะทางเป็นร้อยเป็นพันกิโล เราจะใช้เวลาที่สั้นลงเป็นอย่างมาก แน่นอนครับ สิ่งที่ช่วยย่อโลกให้แคบลงคงเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก "เครื่องบิน" นี่แหละครับคือเรื่องที่เราจะมาคุยกันสำหรับผู้อ่านที่เคยเดินทางด้วยเครื่องบิน คงจะเห็นความใหญ่โตมโหฬารของขนาดลำตัวเครื่องบิน ขนาดปีก ขนาดเครื่องยนต์ แต่ยังมีจุดเล็กๆที่หากไม่สังเกตุอาจจะไม่เห็นเลยก็ว่าได้น่ะครับได้เวลาที่จะพาผู้อ่านมาสวมบทนักสืบตามหาสิ่งเล็กๆอันนี้ว่ามันอยู่ตรงไหน และเมื่อพบสิ่งนี้ ผู้อ่านจะอึ้งกับขนาดที่เล็กจิ๋วของมัน ยิ่งหากได้ทราบประโยชน์ของมันจะยิ่งทึ่งแน่นอน ถ้าพร้อมแล้ว หยิบแว่นขยาย เอ้ย หยิบความสงสัยกับพกความช่างสังเกตมาก็พอครับ ลุยกันเลย... ️ขอเชิญผู้โดยสารทุกท่านขึ้นเครื่องได้เลยครับสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางโดยเครื่องบิน ผมคนนึงละครับที่ต้อง Booking Window Seat นับตั้งแต่เครื่อง Push back (การถอยหลังออกจาก Gate ไว้ครั้งหน้าผมจะมาอธิบายคำศัพท์เหล่านี้แล้วกันนะครับเดี๋ยวจะร่ายยาวไป) เหตุผลที่เราเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ก็เพราะว่าต้องการชมวิวใช่ไหม เราก็จะนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ชมขอบฟ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ก้อนเมฆน้อยใหญ่ลอยไปลอยมา เอาล่ะครับ เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ ผู้อ่านเห็นสิ่งที่เรากำลังตามหาหรือยัง?แน่นอนครับ อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกเองเห็นกันหรือยังเอ่ย มันไม่ได้แอบหรือซ่อนตัวเลยแม้แต่น้อย มันลอยหน้าลอยตาอยู่ พยายามให้เราเห็นอย่างชัดเจน เอาล่ะครับ หากสังเกตดีๆที่ด้านล่างของหน้าต่างเครื่องบิน จะพบว่ามีรูเล็กๆอยู่ ซึ่งมีขนาดเท่าหัวเข็มหมุด นั่นล่ะครับ รูนั้นที่เรากำลังพูดถึง สงสัยไหมครับว่า เจ้ารูเล็กๆนี้มีไว้ทำอะไร?"รูเล็กๆแค่นี้ แต่ประโยชน์มากมายมหาศาล รูเล็กๆที่ว่านี้มันคืออะไร เรียกว่าอะไร ไปทำความรู้จักกันเลย"สวัสดีครับ เราขอแนะนำตัวหน่อยนะ เรามีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "Breather Hole" หรือ "Bleed Hole" ซึ่งเรานี้มีหน้าที่ในการช่วยรักษาความปลอดภัยในการเดินทางของคุณน่ะครับ งงล่ะสิเราดูแลความปลอดภัยให้คุณยังไง เอาล่ะๆ เราจะไขข้อสงสัยนี้ให้คุณเองนะก่อนอื่นเลย เราต้องบอกคุณผู้โดยสารก่อนว่า ส่วนประกอบของหน้าต่างเครื่องบินมีทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งหากมองเผินๆจะคิดว่ามีเพียงชั้นเดียวใช่ไหม จริงๆมี 3 ชั้นเลยล่ะ (หน้าต่าง 3 ชั้น ไม่ใช่หมู 3 ชั้นนะ 🤭🤭🤭)ชั้นที่ 1 : ชั้นที่ติดกับตัวผู้โดยสาร มีลักษณะเป็นแผ่นใสและมีหน้าที่แค่ "กั้น" กั้นเฉยๆเลยครับชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 : ชั้นกลางและชั้นนอก มีหน้าที่ที่สำคัญคือ "ปรับความดันอากาศ"ทีนี้มาดูการทำงานของเรากันดีกว่า หน้าที่ของเราก็คือ...เมื่อนกยักษ์ยกตัวลอยขึ้นฟ้า ล้อพ้นพื้นดิน เมื่อเครื่องบินบินไต่ระดับไปเรื่อยๆ เรามักจะมีอาการหูอื้อ ต้องคอยกลืนน้ำลายหรือบางคนเคี้ยวหมากฝรั่งก็เป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง แต่อาการนี้จะหายไปเมื่อเครื่องบินบินระดับบนฟ้าได้แล้ว เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า การเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศในห้องโดยสารนั่นเองครับ อาการก็จะคล้ายๆกับการขึ้นลิฟท์หรือลงลิฟท์ที่มีความเร็วสูงนั่นเอง พี่นักบินที่คอยบังคับเครื่องจึงต้องมีการปรับความดันอากาศภายในห้องโดยสารให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสมและปลอดภัย โดยปรับความดันอากาศให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับเวลาที่เราอยู่บนพื้นดิน เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกสบาย หายใจสะดวก เพราะฉะนั้นภายในห้องผู้โดยสารจึงมีความแตกต่างของความดันอากาศภายนอกกับภายในค่อนข้างมากด้วยเหตุนี้ เมื่อความดันอากาศภายในห้องโดยสารอยู่ในระดับที่สูงกว่าด้านนอกค่อนข้างมาก หน้าต่างชั้น 2 และชั้น 3 ที่มีหน้าที่ในการรับแรงดันอากาศ จึงถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีความแข็งแรงเพื่อต้านระดับความดันภายในและภายนอก โดยมีเรา ซึ่งเป็น "รูกลมๆเล็กๆที่แผ่นอันกลาง" คอยปรับความสมดุลยังไงล่ะ จะมีเพียงแค่หน้าต่างแผ่นนอกสุดเท่านั้นที่รับแรงต้านมากที่สุด (ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันยังรับแรงดันอากาศไหวอยู่) แต่ทุกคนไม่ต้องกลัวนะว่ามันจะหลุดหรือกระเด็นออกมา มันถูกออกแบบมาให้แข็งแรงมากๆเลย สบายใจได้ทีนี้ผู้โดยสารทุกท่านก็ทราบแล้วนะครับว่า เราคือรูเล็กๆกลมๆตรงหน้าต่างชั้นที่ 2 ของเครื่องบิน มีประโยชน์คือ "ช่วยปรับความดันอากาศในห้องผู้โดยสาร" และอีกข้อนึงครับที่ไม่ได้กล่าวถึงคือ เราจะ "ช่วยคายความชื้น" จากช่องว่างระหว่างแผ่นหน้าต่างทั้งสาม ทำให้ไม่มีไอน้ำขึ้นเป็นฝ้าที่หน้าต่างไงละครับ บางครั้งอาจจะเห็นเกล็ดหิมะขึ้นเกาะรอบๆเราด้วยถึงเราจะเป็นแค่รูเล็กๆ แต่เราก็ช่วยให้พวกคุณปลอดภัยจากแรงดันอากาศในระหว่างการเดินทาง และเรายังช่วยให้คุณมองเห็นก้อนเมฆและความงามภายนอกได้ชัดเจนขึ้นไม่ต้องมีละอองน้ำที่เป็นฝ้า รวมถึงเกล็ดหิมะมารบกวนเมื่อคุณเดินทางครั้งต่อไปอย่าลืมสังเกตุรูเล็กๆอย่างเราด้วยนะ#Flytogether