นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ได้รับรางวัลชมเชยในการประกวดหนังสือดีเด่น ประเภทนวนิยาย ประจำปี พ.ศ. 2549 และยังเป็น 1 ในหนังสือ 100 เล่ม ของโครงการ 100 เล่มหนังสือดีวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2537 ถึง ปี พ.ศ. 2548แต่เหตุผลที่นำหนังสือเล่มนี้มาแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านกัน ไม่ใช่เพราะรางวัลที่ได้ แต่เป็นเพราะความประทับใจ อยากจะนำมาบอกต่อให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านกันฤดูดาว เป็นนวนิยายที่กล่าวถึงเรื่องราวในปัจจุบัน สอดแทรกไปกับตำนาน และเรื่องราวลึกลับมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางป่าเขา ชาวเย้า และ ดอกเตอร์สินธพ กับ ดรสา คู่พระนางของเรื่องนิยายเรื่องนี้เปิดบทนำมาได้อย่างน่าสนใจ ทำให้เราได้รู้ว่าฤดูดาว ไม่ใช่ฤดูกาล เพราะว่ามันคือช่วงเวลาที่ดวงดาวบนท้องฟ้าจะเปร่งประกายระยิบระยับนับร้อยนับพัน และในคืนฤดูดาวนั้นเองที่เป็นคืนพิเศษ ที่ทำให้เกิดตำนานและเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจจากการอ่านนิยายเรื่องนี้ เป็นเหมือนกับการที่ผู้เขียนพาคุณเดินทางเข้าไปยังเมืองเหนือที่ธรรมชาติยังบริสุทธิ์ ทำให้เรายังเห็นวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าเย้า นอกจากนี้ผู้เขียนอย่าง พงศกร ซึ่งเป็นนักเขียนที่มีความโดดเด่นในการเขียนนิยายประเภทลี้ลับ และการผูกเรื่องราวแบบตำนานต่าง ๆ ก็ทำให้คุณได้ร่วมลุ้น และหวาดกลัวไปกับสัตว์ประหลาดที่โผล่มาให้คุณได้สยดสยองนั่นก็คือ กะนาแปะย้องและก็อย่างที่บอกไปว่าเรื่องนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของตำนาน และแน่นอนว่าต้องเป็นตำนานแบบโศกนาฏกรรม ความผิดหวังในอดีตและความเคียดแค้นชิงชัง เป็นสาเหตุที่ทำให้นางเอกของเรื่องต้องมาพัวพันกับคืนฤดูดาวนางเอกและพระเอกของเรื่อง ต้องเดินทางเพื่อทำภารกิจร่วมกัน เพื่อปกป้อง เอื้องแสงเพ็ง ดอกไม้ที่จะบานเพียงครั้งเดียวและคืนเดียวเท่านั้น ในคืน ฤดูดาว ดอกไม้ต้องคำสาป ที่ทั้งคู่ต้องทำให้กลับคืนสู่ที่ทางที่ควรจะเป็นท่ามกลางการดำเนินเรื่องราวในปัจจุบัน สลับกับการเล่าเรื่องแบบลี้ลับผสมตำนาน ทั้งหมดเรียงร้อยกันไปอย่างสละสลวย ไหลลื่น จนเมื่ออ่านจนถึงหน้าสุดท้ายของเล่ม ก็ทำให้รู้สึกว่าอยากจะออกเดินเพื่อไปแหงนมองฟ้าในคืน "ฤดูดาว" ดูบ้างสำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ อยากให้ลองไปหามาอ่านกันดูนะคะ แม้หนังสือเล่มนี้จะหนา แต่อัดแน่นไปด้วยความสนุกและน่าตื่นเต้น ถือเป็นหนังสือรางวัลที่อ่านได้ทั้งสาระและบันเทิง รับรองว่าคุณจะอิ่มเอมกับ ฤดูดาว แน่นอนค่ะ