เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แม้จะทำให้ชีวิตของผู้คนสะดวกสบายขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า หลาย ๆ อุตสาหกรรมก็ต้องปรับตัวตามไปด้วย บางครั้งในความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้นในหลาย ๆ ด้านของชีวิตประจำวัน ก็อาจจะทำให้บางอย่างขาดหายไป จนกลายเป็นเรื่องปกติหรือบางครั้งค่านิยมของสังคมไทยที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ก็ทำให้เกิดปัญหาในวงกว้างต่อบางวงการอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมดนตรี ที่ปัจจุบันเรียกว่า อยู่ใน “ยุคมืด” เลยทีเดียวถ้าย้อนกลับไปในปลายยุค 90’ หลาย ๆ คน คงจำได้ถึงปรากฎการณ์ “MP3” ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ครองเมือง ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก แม้แต่ในเมืองไทย การดาวน์โหลด Mp3 หรือการขายแผ่นซีดี MP3 ละเมิดลิขสิทธิ์ ได้กระจายไปทั่ว แฟนเพลงต่าง ๆ ที่เคยมีค่านิยมแบบสนับสนุนศิลปินโดยการซื้อเทปคลาสเซ็ทหรือซีดี กลายเป็นความฉาบฉวยมักง่ายในการหาซื้อแผ่นรวมเพลง MP3 เถื่อน หรือดาวน์โหลด MP3 เถื่อนมาฟังนอกจากจะทำให้คุณค่าทางศิลปะในแขนงดนตรี ลดคุณค่าลง ตัวศิลปินและค่ายเพลงในเมืองไทยเองเข้าสู่ความยากลำบาก เมื่อยอดขายลดลงจนน่าตกใจ จนต้องหันไปพึ่งการเปิดแสดงดนตรีต่าง ๆ แทนการปรับตัวในครั้งนั้น ทำให้ค่ายเพลงและศิลปินไทยต้องปรับตัวกันครั้งใหญ่ เพื่อให้อยู่รอดได้ในอุตสาหกรรมดนตรี แม้ว่าค่ายเพลงเองจะออกแผ่นรวมเพลง MP3 ถูกลิขสิทธิ์มาเพื่อสู้กับ MP3 เถื่อน แต่การลดต้นทุนการผลิตตั้งแต่ปกไปจนถึงตัวเทปหรือซีดีกลายเป็นการลดคุณค่าของการสะสม เทป ซีดี หรือสนับสนุนศิลปินที่ตนเองชอบความรู้สึกนั้นได้ค่อย ๆ เลือนหายไปอย่างช้า ๆ จนถึงปัจจุบันจนมาถึงในศตวรรษ 20 วงการดนตรีถึงคราวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอีกครั้งทั้งด้านดีและด้านร้าย เมื่อเทคโลโนยีได้พัฒนามากขึ้น จนการฟังเพลงบน Digital Platform กลายเป็นเรื่องปกติไปสำหรับคนที่มีมือถือหรือแท็ปเล็ต การฟังแบบสตรีมมิ่งบน Apps อย่าง Spotify หรือ Joox กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายที่จะหาเพลงศิลปินคนโปรดฟังกลายเป็นเรื่องที่ศิลปินไทยเองก็ต้องปรับตัว ปรากฎการณ์ “ล้านตลับ” ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยในศตวรรษ 20 เพราะบรรดาศิลปินเอง น้อยรายมากที่จะทำ “อัลบั้มเต็ม” เนื่องด้วยทุนในการทำและค่านิยมของแฟนเพลงที่เริ่มฉาบฉวยมากขึ้น การฟังแค่เพลงสองเพลงที่ศิลปินออกมาในรูปแบบ “Single” นั้น ก็เพียงพอต่อความต้องการของคนฟังแล้ว คุณค่าของการสะสมหรือการครอบครอง Physical Format อย่างเทปหรือซีดีที่มีอาร์ตเวิร์คที่สวยงามได้หายไปจากความรู้สึกของคนฟังดนตรีการฟังเพลงขณะเดินทาง หรือในขณะที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้คนง่ายขึ้นมาก แต่อุตสาหกรรมดนตรีในเมืองไทยกลับทรุดโทรมลงอย่างเป็นได้ชัด ศิลปินต้องพึ่งพาการแสดงสดหรือคอนเสิร์ตมากขึ้น เพราะเมื่อทำเพลงออกมาสู่ผู้ฟัง รายได้จาก Digital Platform นั้นค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบกับยุคสมัยของเทปกับซีดีแม้ปรากฎการณ์ Digital platform ของวงการดนตรีจะเป็นเหมือนกันทั่วโลก แต่ประเทศอื่น ๆ ที่เจริญแล้วในด้านศิลปะ ดนตรี อย่างประเทศตะวันตก หรืออย่างประเทศญี่ปุ่น การถ่ายทอดวัฒนธรรมการเสพงานศิลปะที่ให้คุณค่าของการสร้างสรรค์งานศิลปะ อย่างเช่นดนตรีนั้น ซีดีของศิลปินต่าง ๆ ยังคงมียอดขายที่ดี แม้จะไม่เท่าเดิม แต่ด้วยค่านิยมของความจงรักภักดีของแฟนเพลง ทำให้ Physical Format ต่าง ๆ อย่างเช่น ซีดี เทป และแผ่นเสียง ยังคงขายได้ต่อเนื่อง แฟนเพลงผู้จงรักภักดีเหล่านั้น สนับสนุนศิลปินที่สร้างงานศิลปะอย่างแท้จริง ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Physical Format หรือ Digital Platform รวมไปถึงการแสดงดนตรีต่าง ๆ ด้วยรวมไปถึงของที่ระลึกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อทัวร์ หมวก โปสเตอร์ เข็มกลัด ฯลฯ ก็ยังคงเป็นสินค้าที่ทำรายได้เพื่อสนับสนุนศิลปินได้อีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่วงการดนตรีไทยต้องเรียนรู้ ปรับตัวและสร้างค่านิยมในการเสพงานศิลปะให้ดีกว่าที่เป็นอยู่หนึ่งในสาเหตุของความฉาบฉวยในงานศิลปะอย่างดนตรีนั้น ก็มาจากค่ายเพลงและตัวศิลปินเอง ที่ประโคมยัดเยียดเพลงอยู่ไม่กี่สไตล์สู่สังคมผู้ฟัง เพียงเพื่ออยากให้เพลงของตนกลายเป็น “เพลงยอดนิยม” โดยไม่ได้ถ่ายทอดความคิด จินตนาการและฝีมือออกมาจากตัวตนของศิลปินเอง ทำเพียงเพื่อหวังชื่อเสียงและความนิยมจึงกลายเป็นความฉาบฉวยของแฟนเพลง ที่ถูกหล่อหลอมมานานหลายสิบปีด้วยเพลง Popular ที่มีแต่เนื้อหา “รักกินใจ” ไม่ว่าจะเป็น การอกหัก ความผิดหวัง การพบรัก การแอบรัก ซึ่ง ฝังอยู่ในเพลงไทยมานานนับสิบ ๆ ปีศิลปินน้อยรายมากที่จะนำเสนอมุมมองใหม่ ๆ เรื่องราวใหม่ ๆ ต่อแฟนเพลง รวมไปถึงแนวดนตรีที่จำกัดความนิยมอยู่เพียงไม่กี่แนว ไม่ว่าจะเป็น Pop Rock, Pop, Rap, Hip Hop , Pop Jazz หรืออื่นๆ แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังคงอยู่บนพื้นฐานดนตรี Pop เกือบทั้งสิ้นเพื่อให้เข้าสู่กระแสนิยมของผู้ฟังได้ง่ายดนตรีแนวอื่น ๆ อย่างเช่น Jazz, Blues, Metal, Country หรือแนวอื่น ๆ ก็เป็นเพียงแนวเพลงที่มีผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม ไม่มากในเมืองไทยเพียงเท่านั้น แม้ว่าจะเกิดดนตรีแบบ “Indy” ขึ้นมาก็ยังอิงพื้นฐานแบบ Popular เพื่อหวังยอดขายและชื่อเสียงเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีความแปลกใหม่ใด ๆการใช้วิธีนำดนตรียุค 80’ แนวต่าง ๆ มาสร้างสรรค์งานเพลง ก็ยังคงมีเนื้อหาวนเวียนซ้ำซากเรื่อง ความรัก เช่นเดิมแต่ตลาดดนตรีในต่าง ๆ ประเทศ ทุกแนวเพลงยังคงอยู่รอด หายใจต่อไปได้ เนื่องการวัฒนธรรมการเสพงานศิลปะดังที่กล่าวไปแล้ว ทำให้ดนตรีทุกแนวเพลง มีที่ยืนของตัวเองโดยไม่ต้องทำเพลง รักอกหัก เพื่อเอาใจแฟนเพลง ตั้งแต่ดนตรี Pop ไปจนถึงดนตรี Metal ล้วนมีกลุ่มแฟนเพลงขนาดใหญ่ ที่คอยสนับสนุน ทำให้สามารถจัด เฟสติวัลดนตรี ขนาดใหญ่ได้ไม่ว่าจะเป็นแนวเพลงไหนก็ตาม และ ความเป็นตัวของตัวเองในการสร้างสรรค์งาน สามารถทำให้สร้างยอดขายได้ทั่วทุกมุมโลกวันนี้อุตสาหกรรมดนตรีไทย กำลังอยู่บนซากปรักหักพังของงานศิลปะ คงต้องทบทวนกันใหม่อีกครั้งเพื่อให้อยู่รอด หรือจะตะเกียกตะกายใช้วิถีเดิม ๆ ในการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่าง ดนตรีคำคมที่ว่า “ประเทศไหนเคารพศิลปะ ประเทศนั้นเจริญแล้ว” ก็อาจจะเป็นความจริงมาตลอดก็ได้พระเจ้าอวยพรครับภาพปกโดย : www.pexels.comภาพประกอบที่ 1 โดย : www.pexels.comภาพประกอบที่ 2 โดย : www.pexels.comภาพประกอบที่ 3 โดย : www.pexels.comภาพประกอบที่ 4 โดย : pixabay.comภาพประกอบที่ 5 โดย : www.pexels.comภาพประกอบที่ 6 โดย : pixabay.comภาพประกอบที่ 7 โดย : www.pexels.comภาพประกอบที่ 8 โดย : www.pexels.comภาพประกอบที่ 9 โดย : www.pexels.com