สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 ปี 2564 ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน ก็ลากยาววว...เรื่อยมาถึงทุกวันนี้ เราทุกคนก็ต้องประสบปัญหาวิกฤตต่าง ๆ มามากมาย จนเกิดการแพร่ระบาดเพิ่มในวงกว้างขึ้นไปอีก ไหนจะล็อคดาวน์ ส่งผลกระทบให้ธุรกิจหลายอย่างต้องชะลอตัวลงถึงขั้นหยุดชะงัก ปิดการแล้วก็มี เศรษฐกิจของโลกเราก็กำลังแปรผันเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนผู้คนที่หาเช้ากินค่ำก็ลำบาก ขัดสนกันมากขึ้น ในช่วงสถานการณ์วิกฤตเลวร้ายแบบนี้ ทางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ค.ร.ม) จึงได้มีมติเห็นชอบจัดสรรเงินเยียวยาสำหรับผู้ประกันตน มาตรา 33, มาตรา 39 และมาตรา 40 ให้กับแรงงาน ผู้ประกอบการ นายจ้าง ลูกจ้าง และอาชีพฟรีแลนซ์ ที่ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากการล็อคดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด โซนสีแดงเข้ม หรือ พื้นที่สูงสุดและเข้มงวด เพื่อน ๆ คงสงสัยว่ากลุ่มโซนสีแดงเข้ม หรือ พื้นที่สูงสุดและเข้มงวด มีจังหวัดไหนบ้าง ? และกลุ่มคนผู้ประกันตน มาตรา 33, มาตรา 39 และมาตรา 40 ต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง? ถึงจะได้รับเงินเยียวยาช่วยเหลือจากรัฐบาล วันนี้ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลอัปเดตล่าสุดไว้ให้เพื่อน ๆ เรียบร้อยแล้วค่ะ ตามข้อมูลด้านล่างนี้เลยคร๊าาา... เริ่มที่โซนพื้นที่ สีแดงเข้ม หรือ พื้นที่สูงสุดและเข้มงวด ตามที่รัฐบาลประกาศการล็อคดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครปฐม นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ยะลา สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สำหรับกลุ่มกิจการที่ได้รับเงินเยียวยา "มาตรการเยียวยาโควิด" ในครั้งนี้ ได้แก่ 9 กลุ่มอาชีพ ดังนี้ ก่อสร้าง ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ การขายส่ง - ปลีก และซ่อมยานยนต์ การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และกิจกรรมทางวิชาการ ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร (ถ้าเพื่อน ๆ อยู่ในโซนพื้นที่ 13 จังหวัด และประกอบอาชีพตาม 9 กลุ่มอาชีพที่ทางรัฐบาลประกาศข้างต้น ก็ถือว่าเข้าเงื่อนไข และสามารถรับเงินเยียวจากทางรัฐบาลได้ค่ะ) และนอกจากนี้ยังมีกลุ่มกิจการของถุงเงิน 5 กิจการ สำหรับพ่อค้า แม่ค้า ที่ค้าขายทั่วไป ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้าน OTOP ร้านค้าทั่วไป ร้านค้าบริการ กิจการขนส่งสาธารณะ (ไม่รวมกิจการขนาดใหญ่) แต่ว่า...การที่เพื่อน ๆ จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ไม่ใช่แค่ อาศัยอยู่ในโซนพื้นที่ 13 จังหวัด / 9 กลุ่มอาชีพ หรือ ถุงเงิน 5 กิจการ แต่ต้องเป็นผู้ประกันตนด้วยค่ะ ตามประกันสังคมมาตรา 33, มาตรา 39 และมาตรา 40 แต่ละมาตราก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ถ้าเพื่อน ๆ สงสัยว่าแต่ละมาตรา มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ? และได้รับเงินเยียวยาเท่าไรบ้าง ? ตามมาดูข้างล่างนี้กันต่อเลยค่ะ กลุ่มประกันสังคมมาตรา 33 ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนตาม ม.33 - ต้องเป็นสัญชาติไทยเท่านั้น - จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 2,500 บาทต่อคน ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนตาม ม.33 ***(กรณีว่างงาน) - ผู้ประกันตน ม.33 ที่จะได้สิทธินี้ จะต้องถูกเลิกจ้างในกรณีที่กิจการนั้น ๆ ถูกรัฐสั่งให้ปิด แล้วไปทำงานไม่ได้ ก็จะได้รับเงินชดเชย 50% ของฐานเงินเดือนที่นำส่งประกันสังคม แต่ไม่เกิน 7,500 บาทต่อคน (รวมไม่เกินคนละ 10,000 บาท) - จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน ถึงจะมีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชย นายจ้างในระบบประกันสังคม (รวมอยู่ในกิจการ 9 กลุ่มอาชีพ) - รัฐบาลจะจ่ายให้ตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาทต่อราย สูงสุดไม่เกิน 200 คน ที่สำคัญเพื่อน ๆ ที่เป็นผู้ประกันตนตาม ม.33 อย่าลืมตรวจเช็คสิทธิ์กันด้วยนะคะ สามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้ที่ คลิก >> เช็กสิทธิ์ผู้ประกันตนตาม ม.33 กลุ่มประกันสังคมมาตรา 39 (ลาออก-ตกงาน) ประกันสังคมมาตรา 39 : เป็นการประกันตนภาคสมัครใจ - เคยทำงานในบริษัทและเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 มาก่อน แต่เกิดตกงานหรือลาออก แล้วยังต้องการรับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมอยู่ ก็สามารถสมัครในมาตรา 39 ได้ - ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันที่ลาออกจากงาน - ต้องไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพจากกองทุนประกันสังคม - รัฐบาลจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้ 5,000 บาทต่อคน การยื่นใบสมัคร - ต้องยื่นใบสมัครตามแบบคำขอเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (แบบ สปส. 1-20) ด้วยตนเอง ภายใน 6 เดือน นับแต่วันออกจากงาน สถานที่ยื่นใบสมัคร - ถ้าอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ - ถ้าอาศัยอยู่ต่างจังหวัด สามารถยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา ของแต่ละภูมิภาค ดาวโหลดเอกสารใบสมัครแบบคำขอเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 คลิก >> แบบ สปส. 1-20 กลุ่มประกันสังคมมาตรา 40 ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 คือ บุคคลทั่วไปที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ และไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33, มาตรา 39 คุณสมบัติผู้สมัครมาตรา 40 มีสัญชาติไทย มีอายุ 15-65 ปีบริบูรณ์ อาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ ค้าขาย ทำงานแบบไม่มีนายจ้างประจำ ไม่เป็นข้าราชการ หรือ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยขึ้นต้นด้วย เลข 0,6,7 (ยกเว้นขึ้นต้นด้วย00) ผู้พิการที่รับรู้สิทธิ์ก็สมัครได้ >> ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 รัฐบาลจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้ 5,000 บาทต่อคน << สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังกังวลว่า ถ้าสมัคร ม.40 แล้วจะต้องเสียสิทธิ์บัตรทองไหม ? ทางประกันสังคมได้ยืนยันแล้วว่าไม่เสียสิทธิ์บัตรทองแน่นอน และยังใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลต่างๆ ร่วมกับบัตรทองได้ สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐต่าง ๆ ก็ยังคงเหมือนเดิมค่ะ แต่ว่า ได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครอง (เพิ่มเติม) ดังนี้ค่ะ สิทธิ์ได้รับเงินทดแทนจากการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย สิทธิประโยชน์กรณีเสียชีวิตได้รับค่าทำศพ 5,000 บาท หมายเหตุเพิ่มเติม : ตามสิทธิ์ข้างต้นนั้น จะแตกต่างกันไปตามทางเลือกในการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมมาตรา 40 อัตราเงินสมทบทั้ง 3 ทางเลือก ที่ได้เลือกสมัครไว้ตอนแรกค่ะ ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนที่สนใจ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนภาคสมัครใจของระบบประกันสังคมตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ให้เรียบร้อย ภายในเดือนกรกฏาคม 2564 นี้ค่ะ ลิงก์สำหรับสมัครขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 คลิก >> มาตรา 40 ลิงก์รายละเอียดทางเลือกในการจ่ายเงินสมทบ คลิก >> ประกันสังคมมาตรา 40 กลุ่มกิจการของถุงเงิน 5 กิจการ ผู้ประกอบการถุงเงิน 5 กิจการ (ที่มีลูกจ้าง) : ให้ขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างในระบบประกันสังคม ภายในเดือนกรกฏาคม 2564 เพื่อรับเงินช่วยเหลือเช่นเดียวกับผู้ประกันตนมาตรา 33 ผู้ประกอบการถุงเงิน 5 กิจการ (ที่ไม่มีลูกจ้าง) : ให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนภาคสมัครใจของระบบประกันสังคมตามมาตรา 40 เพื่อรับค่าช่วยเหลือ 5,000 บาท ภายในเดือนกรกฏาคม 2564 โอนเงินผ่านช่องทางไหน ? หลังจากที่มีเพื่อน ๆ หลายคนสงสัยเเกี่ยวกับการรับเงินเยียวยาประกันสังคม มาตรา 33, มาตรา 39 และมาตรา 40 ว่าสามารถรับเงินได้ผ่านช่องทางไหน ? จากที่ผู้เขียนได้ศึกษาข้อมูลมา สามารถรับเงินเยียวยาในครั้งนี้ได้ โดยผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนเท่านั้น! หากเคยผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้กับเบอร์มือถือให้รีบแก้ไขให้เรียบร้อย และสำหรับใครที่ยังไม่เคยลงทะเบียนพร้อมเพย์มาก่อน เพื่อน ๆ สามารถลงทะเบียนผ่านทางแอปพลิเคชันของธนาคารต่าง ๆ ได้ค่ะ หรือ ติดต่อสอบถาม Call Center กับทางธนาคารโดยตรงก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนไม่สะดวกทำผ่านแอปพลิเคชัน ก็สามารถ Walk-in เข้าไปติดต่อธนาคารก็ได้เช่นกันค่ะ กำหนดการโอนเงินเยียวยา ตามประกาศทางรัฐบาลแจ้งว่า จะเริ่มโอนเงินเยียวยา ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป แหล่งข้อมูลอ้างอิง Facebook : @ssofanpage ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ตามช่องทางนี้ค่ะ >> Website : สำนักงานประกันสังคม Facebook : @ssofanpage สายด่วน : 1506 (ตลอด 24 ชั่วโมง) ขอบคุณเครดิตภาพ ภาพปก : ปก สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ภาพประกอบ Facebook@ssofanpage : 1 / 2 / 3 / 4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !