จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเคยน้ำหนัก 68 กิโลกรัมเลยทีเดียว หาวิธีลดอยู่หลายวิธีก็ไม่ประสบความสำเร็จสาเหตุที่อยากลดคือ เราเริ่มมีอาการ "ปวดเข่า" ลองหายาลดความอ้วนมากินยอมรับว่าน้ำหนักลง แต่โยโย่ภายหลังอ้วนหนักกว่าเดิมอีก ระหว่างที่กินยาลดความอ้วน รู้สึกเหนื่อยปากแห้ง ร่างกายโทรมมาก ผิวก็แห้งไปด้วยอ้วนอยู่สักพัก คำว่าพักนี้คือประมาณ 3 ปี นะคะที่อยู่กับน้ำหนัก 68 กิโลกรัม หรืออาจจะ 70 กิโลกรัม ด้วยซ้ำ ร่างกายเหมือนไม่โอเคเลยค่ะ ปวดเข่ามาก ๆ เสื้อผ้ากว่าจะหาตัวใส่ได้ก่อนจะออกไปไหนแต่ละครั้งเหมือนมีเวรกรรม ผิวก็ดำ หน้าก็ใหญ่ เหนื่อยหอบ ขนาดรองเท้ายังรับน้ำหนักไม่ได้ ใส่แปบเดียวก็พัง 🤣🤣🤣เริ่มการรวมพลังในการลดอีกครั้ง คือการออกกำลังกาย วิ่งทุกวัน เราจะบอกว่าวิ่งจนเหนื่อย ไม่เห็นจะผอม555+เพิ่มอีกวิธีซิ ตอนนี้งดข้าวเย็นด้วยจ้า สรุปคือไม่ได้ผลค่ะ ภาพตอนอ้วนนะคะ ภาพโดย ผู้เขียนถ่ายภาพเรามาเข้าสู่วิธีที่ได้ผลกันเลยค่ะ1. รับประทานอาหารทุกมื้อ แต่ละมื้องดแป้ง งดน้ำตาล เน้นโปรตีน2. ใช้วิธีควบคุมแคลอรี่ ทานอาหารที่แคลอรี่ต่ำที่สุด เรา ใช้วิธีค้นหาใน Google ว่าอาหารประเภทนี้มีแคลอรี่เท่าไหร่ ดูปริมาณการกิน3.ทานข้าวให้ตรงเวลา และไม่ควรทานหลัง 18.00 น.4.ไม่นอนดึก / ไม่ทานจุกจิก 5.ไม่ควรกักตุนอาหารไว้ในตู้เย็นนอกจากผัก ผลไม้ภาพอาหาร โดยผู้เขียนถ่ายภาพการทานน้อยเราจะรู้สึกหิวอยู่ประมาณ 1-2 อาทิตย์นะคะ ผ่านจุดนั้นมา สบายเลยค่ะ เราจะทานได้น้อยลงเอง เหมือน กระเพาะอาหาร เรามันเล็กลง จริง ๆ นะคะวิธีปฏิบัติตัวมีแค่นี้จริง ๆ นะคะ ก่อนลดน้ำหนัก 68 กิโลกรัม หลังลดใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ตอนนี้น้ำหนักเหลือ 55 กิโลกรัม ผิวขาว ผิวเนียน หน้าขาวสดใสขึ้น มีความมั่นใจในการใส่เสื้อผ้า การเดินก็สง่า มีแต่คนชมว่าสวยภาพถ่ายตอนน้ำหนัก 56 ถ่ายภาพโดยผู้เขียนกลับมาใส่ชุดเดิมได้ ภาพถ่ายโดย ผู้เขียนการลดน้ำหนักนั้น สิ่งสำคัญคือ การมีระเบียบวินัย ในตัวเองค่ะขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังจะลดนะคะ เราหาวิธีลดได้เองจึงอยากนำมาแบ่งปัน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !