ในทุก ๆ วันนี้เทคโนโลยีด้านภูมิสารสนเทศน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลายแวดวงธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีกและแฟรนไชส์เพื่อโจทย์การแข่งขันธุรกิจยุคดิจิทัล หรือในแวดวงธนาคารพาณิชย์ ตลอดไปจนการประยุกต์เทคโนโลยีด้านภูมิสารสนเทศน์เข้ากับการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ เนื่องมาด้วยปัจจัยภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีด้านภูมิสารสนเทศน์ เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของเรา แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักกับมันมากนัก ผู้เขียนจึงขออนุญาตพามาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีด้านภูมิสารสนเทศน์ให้มากขึ้นกันระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ Geographic Information System : GIS คือกระบวนการทำงานเกี่ยวกับข้อมูลในเชิงพื้นที่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์โดยนำเข้าข้อมูลมาจากวิธีการสำรวจต่าง ๆ เช่น การใช้โดรน หรือ UAV การรังวัดด้วย GPS การใช้เทคโนโลยี SAR หรือ INSAR เป็นต้น เมื่อได้ข้อมูลจากวิธีการสำรวจมาแล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนการประมวลผลและวิเคราห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ตามแต่ละวัตถุประสงค์ที่จะใช้งานและยังสามารถสื่อความหมายในเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์กับเวลาได้ เช่นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ตามเวลาต่าง ๆ ซึ่งเมื่อนำมาประมวลผลใน GIS จะทำให้ผู้ใช้งานเห็นภาพมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่า “ข้อมูล” มีบทบาทอย่างมากในระบบ GIS การจะวิเคราะห์ประเด็นใดก็ตามต้องอาศัยข้อมูลเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ ดังนั้นมาทำความรู้จักกับข้อมูลใน GIS กันข้อมูลทางภูมิศาสตร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Spatial data และ Attribute data ถ้าจะลงรายละเอียดให้ลึกขึ้นก็คงต้องเท้าความก่อนว่าการบันทึกและอธิบายปรากฏการณ์ลักษณะต่าง ๆ ทางภูมิศาสตร์นั้นเป็นเรื่องลำบาก ( Level of Abstraction ) ดังนั้นมนุษย์จึงคิดค้น Data Model เพื่อลด Level of Abstraction ลงเพื่อให้มนุษย์เข้าใจได้ง่าย ซึ่งสัมพันธ์กับ Spatial data คือ Spatial Data เป็นข้อมูลที่เก็บเกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ ของปรากฏการณ์หรือความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ (Topological Data) ที่เราสนใจนั่นเอง โดย Spatial Data มี Data model 2 ส่วนช่วยในการเก็บข้อมูล คือ Vector data model และ Raster data model โดย Vector data model จะเก็บข้อมูลปรากฎการณ์ด้วย จุด เส้น และพื้นที่ เมื่อ จุด แสดงลักษณะของปรากฎการณ์ที่ไม่มีมิติ (กว้าง, ยาว) , เส้น แสดงลักษณะของปรากฎการณ์ที่มี 1 มิติ ( มีความยาวเพียงอย่างเดียว ) และ พื้นที่ แสดงลักษณะของปรากฎการณ์ที่มี 2 มิติ (กว้าง, ยาว) ส่วน Raster model จะเก็บข้อมูลในรูปตาราง Grid cell มักใช้กับงานภาพถ่ายทางอากาศ ในส่วนของ Attribute Data จะเป็นข้อมูลเชิงบรรยาย ของพื้นที่ ที่เราสนใจ เช่น จำนวนคนในพื้นที่นั้น ขนาดของพื้นที่นั้น เป็นต้น โดย Attribute data จะสัมพันธ์กับเวลา ณ การสำรวจเมื่อมองในมุมมองของการเก็บข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งได้ เป็น 2 ประเภท คือ Graphic data และ Non graphic data โดยอาจเปรียบเทียบได้ว่า Graphic data ก็คือข้อมูล Spatial data และ Non graphic data ก็คือข้อมูล Attribute data นั่นเองข้อมูลนับเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล ยิ่งในทุก ๆ วันนี้ ข้อมูลถือว่าเปรียบเสมือนทองคำ ดังนั้นการนำข้อมูลไปใช้งานต่อก็ควรใช้ให้คุ้มค่าด้วย การเข้าใจรูปแบบของข้อมูลก็จะทำให้การใช้งาน GIS มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แหล่งอ้างอิง- Principles of Geographic Information Systems for Land Resources Assessment โดย Peter A. Burrough- Antenucci, J.C. et al. (1991). Geographic Information Systems : A Guide to the Technology. Van Nostrand Reinhold, New York, USA- เอกสารประกอบการสอนวิชา 2108352 Intro to GIS Dataอ้างอิงรูปภาพ- ภาพที่ 1 ar130405 / pixabay- ภาพที่ 2 BUMIPUTRA / pixabay- ภาพที่ 3 Sambeetarts / pixabay- ภาพที่ 4 mohamed_hassan / pixabay- ภาพปก stux / pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !