ลัดเลาะนครหลวงเวียงจันทน์ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปลัดเลาะนครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าการเดินทางครั้งนี้พวกเราเดินทางกัน 4 คน ด้วยรถโดยสาร กับการใช้เวลาในวันหยุดให้คุ้ม 2 วัน 1 คืนนี้ เริ่มเดินทางด้วยรถไฟตั้งแต่เช้าที่สถานีรถไฟขอนแก่น จุดหมายแรกคือหนองคาย เดินทางมาถึงสถานีรถไฟหนองคายประมาณบ่ายกว่า ๆ ต่อด้วยการเหมาสามล้อที่จอดรอบริการหน้าสถานีรถไฟ เพื่อไปยังที่พักในค่ำคืนแรกของพวกเรา ซึ่งได้โทรจองเรียบร้อยแล้ว พวกเราเลือกพักที่ ระเบียงแม่โขง คืนละ 800 บาท อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ติดริมโขงและถนนคนเดิน เมื่อเก็บของเข้าที่พักแล้วก็ได้เวลาออกล่าหาของอร่อย ที่พักใกล้กับร้านอาหารขึ้นชื่ออย่าง แดงแหนมเนือง จึงไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปสั่งและนั่นก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง มันอร่อยมากใครผ่านมาแถวนี้ก็อย่าลืมแวะมาทานได้ ตกเย็นก็พากันไปเดินถนนคนเดิน แล้วเข้าที่พักเตรียมเก็บแรงไว้ลุยในวันพรุ่งนี้ เช้าวันที่ 2 ก่อนออกเดินทางต่อ กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉะนั้นเราจึงต้องไปหาอาหารเช้าทาน เนื่องจากทางที่พักนั้นไม่ได้มีบริการอาหารเช้าให้ PT ข้าวจี่ปาเต้ เป็นร้านที่พวกเราได้ลงมติกันว่าจะทานที่นี่ บรรยากาศในร้านน่านั่ง เจ้าของร้านยิ้มแย้มแจ่มใสดี เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วก็เดินทางต่อด้วยรถสามล้อ เพื่อไปทำบัตรผ่านแดนที่สำนักงานออกบัตรผ่านแดน สำหรับผู้ที่ไม่มีหนังสือเดินทาง ใช้เวลาในการทำไม่นาน ค่าธรรมเนียม 30 บาท พอมาถึงด่านพรมแดนหนองคายก็ทำการซื้อตั๋วรถโดยสาร เพื่อข้ามไปยังฝั่ง สสป. ลาว ในราคา 20 บาทต่อคน จะเดินข้ามก็ได้นะถ้าใครเดินไหว มาถึงแล้ว ก้าวแรกที่เยียบลงบนผืนแผ่นดเนลาวก็จะดูสั่น ๆ หน่อย ถึงแล้วใช่ว่าจะเข้าประเทศเขาได้ ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกคนละ 95 บาท โดยบัตรผ่านแดนที่ทางการไทยออกให้ควรถ่ายเอกสารไว้ 2 ฉบับ เพราะต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจทั้ง 2 ประเทศ ต่อด้วยการแลกเงินเป็นเงินกีบ จะใช้เงินไทยก็ได้แต่อาจจะถูกโก่งราคานิดหน่อย จากนั้นนั่งรถเมล์ลาวไปยังตลาดเช้าเวียงจันทน์ ค่าโดยสารคนละ 6,000 กีบ (30 บาท) พอถึงแล้วจุดมุ่งหมายหลักของการลัดเลาะก็ได้เกิดขึ้น ด้วยการเดินตั้งแต่ตลาดเช้าไปยังประตูชัย อนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นหลังจากได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส ต่อด้วยการเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดินชมเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ แวะชมวัดสีสะเกด วัดพะแก้ว ค่าเข้าชมคนละ 10,000 กีบ (50 บาท) โดยด้านในนั้นห้ามนักท่องเที่ยวถ่ายภาพ จึงไม่ได้มีภาพมาให้ชม พวกเราใช้เวลาในการเดินเลาะชมสิ่งต่าง ๆ จนถึงบ่ายกว่า ๆ จึงได้เดินทางกลับ เพราะเกรงว่าจะไม่ทันรอบรถกลับขอนแก่น และสิ่งที่เราเกรงก็เป็นจริง คุณพระรถหมด แต่ด้วยเดชะบุญมีอัศวินมาช่วยเราด้วยการให้พวกเราได้ติดรถไปด้วย เพราะเป็นทางผ่านพอดี การลัดเลาะในครั้งนี้เป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดี ได้ทั้งมิตรภาพ ความมีน้ำใจ และความสวยงามของสถานที่ จึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ เผื่อใครอยากจะไปลัดเลาะแบบพวกเราบ้าง ภาพถ่ายโดยนักเขียน