เดินทางมาถึง “ลากกระเป๋าเที่ยวคนเดียว EP.3” ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย และวันสุดท้ายที่ปีนังของทริปนี้แล้วนะคะ ในวันสุดท้ายนี้อาจจะไม่ได้ไปหลายที่ เพราะต้องรีบไปให้ทันเช็คอินที่สนามบินก่อนบ่ายสาม วันนี้เรานัดเพื่อนมาด้วยกันค่ะ เพราะเราจะไป Penang Street Art เลยต้องหาตากล้องมาผลัดกันถ่าย เริ่มต้นด้วยร้าน De Tai Tong Café เป็นร้านติ่มซำชื่อดัง เราเดินไปเรื่อย ๆ จากที่พักประมาณ 15 นาทีค่ะ ร้านนี้ลูกค้าเยอะมากนะคะ อดใจรอคิวนิดนึง ตอนเราไปถึงโต๊ะเต็มค่ะ เลยได้นั่งโต๊ะเสริม วิธีสั่งอาจทุลักทุเลนิดนึง เพราะคนเยอะวุ่นวายมาก เริ่มแรกจะมีกระดาษให้เลือกเมนู เขียนเลขโต๊ะไปยื่นให้พนักงานค่ะ และก็จะมีรถเข็นของทอด เข็นไปเรื่อย ๆ ทั่วร้าน ตรงนี้เราเลือกหยิบได้เลย เมนูที่เราสั่งมา ได้แก่ ทาร์ตไข่, ซาลาเปาไส้ครีมลาวา, ขนมจีบหมู, ขนมจีบกุ้ง, ลูกชิ้นปลา, ฮะเก๋า และ หมูพันสาหร่ายทอด ส่วนตัวเราแนะนำ ลูกชิ้นปลา และ ซาลาเปาไส้ครีมลาวาค่ะ อร่อยมาก ส่วนเมนูอื่นอร่อยตามมาตรฐาน รสชาติไม่แย่ค่ะ ราคาหารสองแล้ว ตกคนละ 20 ริงกิต ถือว่าไม่แพงมาก เราเดินเรื่อย ๆ ไปถึง Love Lane เพื่อจะนั่งรถถีบ รถถีบแบบที่เราจะนั่งข้างหน้าแล้วมีคนปั่นจักรยานให้ เราตกลงราคาไปที่ Street Art แนะนำให้ต่อราคาสักนิดนึงค่ะ เขาลดให้พอควร เรารีบไปเช้านิดนึง เพราะสาย ๆนักท่องเที่ยวจะมากันเยอะ Street Art ที่เมืองจอร์จทาวน์ มีอยู่ทั่วไปตามกำแพง ตึกเก่า และบ้านคน แต่ก็จะมีจุดที่เป็นภาพดัง ๆ อยู่พอประมาณค่ะ จะมีแผนที่บอกด้วยว่าอยู่ตรงไหน คุณลุงรถถีบพาเรามาส่งที่ ภาพวาดมอเตอร์ไซด์ที่เป็นจุดขายของ Street Art เลยก็ว่าได้ เราเดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ทั้งรูปวาด ตึกเก่า บรรยากาศของเมือง ใครที่ชอบศิลปะพลาดไม่ได้เลยค่ะ เราเช็คเอ้าท์จากที่พักช่วงเกือบเที่ยง และนั่งรถบัสสาย 401 จากสถานีที่ใกล้ที่สุด เพื่อไปสนามบิน ปีนังเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ควรไปสักครั้งค่ะ ใกล้ไทย และเดินทางง่าย ยิ่งการเดินทางรอบเมืองยิ่งง่ายสำหรับนักท่องเที่ยวมาก ๆ อีกทั้งค่าใช้จ่ายตลอดทริปไม่แพงเลย หลักพันบาทเอาอยู่ค่ะ รูปภาพประกอบและภาพปกโดย Wa_WaWant ติดตามรูปภาพสวยๆเพิ่มเติมได้ทาง https://www.instagram.com/wawa_photo_snap/