ต่อจาก ลาวในความทรงจำ #8 9 โมงเช้าของวันสุดท้ายที่รอคอย ขบวนแห่วอ (แห่พระบาง) ได้อัญเชิญพระบางเจ้า พระคู่บ้านคู่เมืองคู่บารมีของชาวหลวงพระบางมาประดิษฐานที่ประรำพิธีที่วัดใหม่ เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน บางปีก็ 2 วัน 1 คืน ตอนสายข้าพเจ้ากับคุณเจี๊ยบแพ็คกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย เพราะจะเดินทางกลับในคืนนี้เวลา 1 ทุ่ม ขณะเช็คเอ้าท์ คุณลุงเจ้าของเรือนพักลดราคาให้กับข้าพเจ้าเป็นพิเศษ และชวนให้มาร่วมพิธีบายสีสู่ขวัญในเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ข้าพเจ้ากับคุณเจี๊ยบรับปากคุณลุงและฝาก กระเป๋าไว้ที่เรือนพักก่อนเดินทางออกไปสรงน้ำพระบาง วันนี้คุณวิไลวันทำหน้าที่เป็นไกด์แนะนำขั้นตอนในการปฏิบัติตัวตามประเพณีการสรงน้ำพระบางแบบชาวหลวงพระบาง เวลาประมาณเที่ยงคุณวิไลวันก็เดินทางมาถึงวัดใหม่ พร้อมนำผ้าเบี่ยงมาให้ข้าพเจ้าพาดบ่า พร้อมทั้งพานใส่น้ำที่ลอยดอกไม้มาหลายชนิดที่เห็นและรู้จัก คือ จำปาที่แยกกลีบดอกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เมื่อซื้อธูปเทียนดอกไม้ที่ทางเข้าวัดเป็นที่เรียบร้อยก็เดินด้วยความสุขุมเข้าวัดอย่างรู้สึกอิ่มในบุญ และหลายอย่างที่ทำให้จิตใจสงบ เทียนที่นี่จะเป็นเทียนยาวและอ่อน เมื่อจุดสักพักจะโน้มลงเหมือนความอ่อนน้อมมีสัมมาคารวะก่อเกิดขึ้นมาทันที สวดมนตร์ขอพรแล้วเดินขึ้นบันไดสรงน้ำ โดยจะมีรางสรงน้ำทั้ง 2 ข้างเมื่อสรงน้ำแล้วก็เดินไปทางด้านหลังปะรำพิธี เพื่อเก็บน้ำมนตร์ที่สรงพระบางกลับไปบ้านหรือลูบหน้าลูบตาล้างมลทินในปีที่แล้วและเพื่อความเป็นสิริมงคล ข้าพเจ้ากลับไปนั่งมองพระบางเจ้าที่ปะรำพิธีอีกครั้งเพราะโอกาสเช่นนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวหรือชาวลาวที่จะได้เห็น พระบางใกล้ ๆ เหมือนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาของพระบางเจ้าจะบอกบางสิ่งบางอย่างที่ลึกลับ ศรัทธา ความเชื่อ วิถีชีวิต ความสงบของ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรที่อยู่เบื้องหน้าของข้าพเจ้ากำลังร่ายมนต์ขลังแห่งกรุงศรีสัตนาคหุล้านช้าง ร่มขาวหลวงพระบาง หลังจากที่ข้าพเจ้าตระเวนค้นหาคำตอบในคำถามว่าความลับของหลวงพระบางและอะไรที่เป็นมรดกของความเป็นหลวงพระบางที่แท้จริง หลายวันที่ผ่านมาของข้าพเจ้าในหลวงพระบางสามารถตอบคำถามในใจของข้าพเจ้าได้แต่ไม่กระจ่างแท้เท่ากับการมานั่งมองพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทรองค์นี้ และแน่แท้ที่คำตอบนั้นไม่ใช่พุทธรูปโบราณ วัตถุเบื้องหน้าของข้าพเจ้า หากแต่เป็นมนต์เสน่ห์ของชาวเมืองหลวงพระบาง บ่ายแก่ๆ ข้าพเจ้ากลับมาที่เรือนพักเพื่อร่วมในพิธีบายสีสู่ขวัญต้อนรับปีใหม่ตามคำเชิญของคุณลุงเจ้าของเรือนพัก ด้วยเหตุอะไรหลายอย่างทำให้ข้าพเจ้าถ่ายภาพได้เพียงน้อยนิด อาจเป็นเพราะข้าพเจ้าอยู่ใกล้เกินไป หรือด้วยมนตร์เสน่ห์ หรือความเคารพในพิธี หรือมือของข้าพเจ้าสั่นเกินไป พิธีเริ่มขึ้นเมื่อผู้เฒ่าผู้แก่มากันพร้อมหน้า และคนทำขวัญก็เริ่มบทสวดเป็นภาษาลาว ทุกคนประนมมือ เส้นฝ้ายสีขาวถูกโยงมายังผู้หลัก ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ไม่นานข้าพเจ้าก็เริ่มฟังบทสวดทำขวัญออกมีความหมายอวยพรโชคลาภ ความเป็นสิริมงคล ต่อจากนั้นก็เป็นการผู้ข้อต่อแขน รับพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรให้กันและกัน นอกจากนี้จะมี การเรี่ยไรเงินเพื่อมอบให้ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือการมอบเสื้อผ้าของใช้หรือของขวัญให้กันและกัน ถือเป็นการจบพิธี ต่อจากนั้นก็เป็นการเลี้ยงฉลอง ข้าพเจ้ากับคุณเจี๊ยบขอตัวเดินทางกลับแต่ถูกคะยั้นคะยอจากคุณลุงเจ้าของเรือนพักให้อยู่ร่วมสังสรรค์พอรุ่งเช้าจึงค่อยเดินทางกลับ ทั้งนี้ข้าพเจ้าเลยถือโอกาสร่วมสังสรรค์และแลกเปลี่ยนความคิดกับลูกชายของคุณลุงซึ่งไปทำงานอยู่ห่างจากหลวงพระบางนาน ๆ จะกลับมาที่เรือนหลังนี้ที ข้าพเจ้าจึงนำสัมภาระเก็บไว้ตามเดิม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยวที่ค้างต่ออีกหนึ่งคืน จึงเดินออกมาชมงานสมโภชน์พระบางที่ลานวัดใหม่ มีการแสดงโขนเรื่องพระลักพระราม (รามเกียรติ์) ตอนทศกัณฑ์ชิงตัวนางสีดา ดนตรีประโคมกันอย่างสนุกสนาน และการร่ายรำที่มีลักษณะเฉพาะแบบหลวงพระบาง โดยเฉพาะความซุกซนของเหล่าทหารลิงลูกน้องของหนุมาน สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมอย่างคึกคัก ข้าพเจ้ารู้สึกอิดออดเหลือเกินที่จะต้องจากเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ แห่งนี้ไปในตอนสายของวันรุ่งขึ้น ทำให้เช้านี้ดูเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก ข้าพเจ้าเช็คเอ้าท์อีกครั้งและซาบซึ้งในไมตรีที่ได้รับเป็นอย่างยิ่งเพราะคุณลุงไม่คิดค่าที่พักในคืนที่ผ่านมา ผมยกมือไหว้ขอบคุณแบบคนไทยก่อนแสดงการจับมือแบบชาวลาวเพื่อเป็นการร่ำรา ก่อนขึ้นรถตุ๊กตุ๊กมุ่งหน้าสถานีขนส่งหลวงพระบาง โดยมีแสงอาลียืนโบกมือบ้ายบายคล้อยหลัง ข้าพเจ้าสัญญากับตัวเองในใจว่า ถ้ามีเวลาหรือวันหยุดยาวนาน ก็จะย้อนกลับมาหลวงพระบางและพักที่เรือนหลังนี้อีก เมื่อถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารหลวงพระบางก็ได้รับการต้อนรับแบบไม่น่าเชื่ออีกกครั้งเพราะรถ V.I.P. ที่ข้าพเจ้าจะเดินทางกลับนั้น เป็นรถของพี่แอและเป็นเที่ยวที่พี่แอจะเดินทางกลับเวียงจันทน์พอดี (อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น) ทำให้การเดินทางในทริปนี้ มีสีสันขึ้นอีกครั้งด้วยดีกรีเบียร์ลาวจากพี่แอและร่วมสนทนากันอย่างญาติสนิทมิตรสหาย สรุปว่า ข้าพเจ้าได้รับอะไรมากมายเหลือที่จะเป็นไปได้ในการเดินทางมายังต่างบ้านต่างเมือง หากแต่ประเทศไทยกับสปป.ลาว ก็เคยมีประวัติด้วยกันมาอย่างช้านาน ข้าพเจ้าอิ่มในการเดินทางทริปนี้มาก ไม่รู้สินะว่าพรุ่งนี้ เช้าที่กรุงเทพฯ ข้าพเจ้าจะต้อง ผจญกับอะไร แต่ที่รับรู้ได้คือมิตรไมตรีที่ใสบริสุทธิ์ไม่มีชนชั้น ไม่มีการเหยียดสี ไม่มีการไต่ถามถึงเรื่องการเมือง เรื่องศาสนา ไม่มีการพูดถึงตลาดหุ้น ไม่มีการกล่าวถึงเงินในกระเป๋า ยี่ห้อ และรุ่นของโทรศัพท์มือถือหรือเทคโนโลยี นาโนบ้าบออะไรที่คิดว่าจะพาชาติเข้าสู่ความศิวิไลซ์มากกว่าความศิวิไลซ์ในมนุษยชาติ คุณเจี๊ยบหันมาเปรยกับข้าพเจ้าว่าไม่น่าเชื่อหลวงพระบางเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากและหากมีโอกาสจะกลับมาเยือนอีกครั้ง นอกจากภาพถ่ายและความทรงจำที่งดงาม ความศิวิไลซ์ในความเป็นมนุษย์ที่ข้าพเจ้าได้รับเทียบไม่ได้กับราคาค่าเงินอัตราใดในโลกใบนี้ การเดินทางค้นหาคำตอบแห่งมรดกโลกในครั้งนี้ถึงแม้ไม่สามารถบอกได้อย่างแจ่มแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรเพราะเหตุผลที่ชาวหลวงพระบางมิอาจให้กล่าวถึงได้ นัยว่าเป็นความลับของชาวหลวงพระบาง แต่ข้าพเจ้าแน่ใจและมั่นใจว่าข้าพเจ้าได้รับคำตอบแห่งมรดกโลกแล้ว ซึ่งไม่สามารถกล่าวบอกให้รับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทางสายตา ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้น และสิ่งนั้นยังคงเป็นของชาวหลวงพระบางต่อไปในมนตร์ขลังแห่งดินแดนล้านช้างหลวงพระบาง… สบายดี… ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม แล้วพบกันใหม่ในบุญซ่วงเฮือ (บุญแข่งเรือ)