มีคนเคยกล่าวว่า “หากอยากเที่ยวทะเลให้เที่ยวเมืองไทย แต่ถ้าอยากเที่ยวทะเลสาบ และภูเขาให้ไปเมืองจีน” และคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้เราได้มีโอกาสออกไปค้นหาความจริงด้วยการเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศความสวยงามที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความโรแมนติกของทะเลสาบซีหูในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีด้วยตาตัวเอง ทะเลสาบซีหู ตั้งอยู่ที่เมืองหางโจว เมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นมณฑลที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 กิโลเมตร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 2011 หากใครมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนเมืองหางโจว ก็ไม่อยากให้พลาดชมทัศนียภาพความสวยงามของทะเลสาบซีหูและสิ่งก่อสร้างทางวัฒนธรรมที่สวยงามและเป็นที่รู้จักกันดีอย่าง “เจดีย์เหลยเฟิง” กับตำนานความรักของนางพญางูขาวที่ถูกนำมาดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีส์อันโด่งดัง เราเริ่มต้นด้วยการขึ้นไปชมวิวบน “เจดีย์เหลยเฟิง” เจดีย์แปดเหลี่ยม สูง 5 ชั้น ถ้าอยากออกกำลังก็สามารถเดินขึ้นบันไดได้ แต่ถ้าอยากเก็บแรงไว้เดินเล่นรอบทะเลสาบซีหูเยอะ ๆ ก็สามารถใช้บริการลิฟท์โดยสารได้ค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการจัดคิวเข้าลิฟท์ เป็นระเบียบเรียบร้อยดีค่ะ เราขึ้นไปที่ชั้นสูงสุดเพื่อชมวิวกันก่อนค่ะ แล้วก็เดินลงบันไดมาเรื่อย ๆ เพื่อชมภาพแกะสลักที่บอกเล่าเรื่องราวของตำนานนางพญางูขาว ซึ่งถูกจับขังไว้ใต้เจดีย์เหลยเฟิง เนื่องจากแปลงกายมาที่โลกมนุษย์ และรักใคร่กับบัณฑิตหนุ่มจนกระทั่งแต่งงานและมีลูกด้วยกัน ซึ่งเจ้าอาวาสวัดจินซานกลัวว่างูขาวจะทำร้ายมนุษย์จึงจับนางไปขังไว้ใต้เจดีย์เหลยเฟิง และร่ายคำสาบเอาไว้ว่างูขาวจะกลับมาโลกมนุษย์ได้ก็ต่อเมื่อน้ำในทะเลสาบซีหูแห้งหมด และเจดีย์ล้มลงแล้วเท่านั้น ซึ่งต่อมางูขาวก็ได้รับความช่วยเหลือจากงูเขียวเพื่อนรัก โดยการต่อสู้กับเจ้าอาวาสวัดจินซานจนชนะ จึงสูบน้ำในทะเลสาบซีหูจนเหือดแห้ง และล้มเจดีย์เหลยเฟิงลง จึงได้ช่วยงูขาวออกจากเจดีย์ที่คุมขังได้สำเร็จ ช่วงที่เราเดินทางไปเที่ยวที่เมืองหางโจวเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 5 องศาเซลเซียส แต่วันที่เราไปเที่ยวทะเลสาบซีหูอุณหภูมิสูงขึ้นมากค่ะ อยู่ที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส สภาพอากาศค่อนข้างร้อนกว่าวันอื่น ๆ แต่ถึงแม้จะร้อนแค่ไหน กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ การล่องเรือโบราณชมบรรยากาศความสวยงามของทะสาบซีหู ซึ่งเรือมีให้เลือกหลายแบบตามจำนวนผู้โดยสาร ส่วนเรือที่เรานั่งเป็นเรือสำหรับ 4 คนนั่ง ราคาอยู่ที่ลำละ 250 หยวน พายไป - กลับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เรือของเราค่อย ๆ ไกลจากฝั่งเรื่อย ๆ ได้ยินเพียงเสียงฝีพายวักน้ำเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ท่ามกลางแสงแดดกระทบกับสายน้ำสะท้อนแสงระยิบระยับ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศที่แสนโรแมนติกที่รายล้อมอยู่รอบๆ เหมือนเราได้ย้อนไปอยู่ในยุคโบราณที่เราต้องนั่งเรือพายโบราณกันจริง ๆ เลยค่ะ ถึงแม้แดดจะแรงไปหน่อย แต่ความสวยงามรอบตัวก็ทำให้เราถ่ายรูปเพลินจนลืมอากาศร้อน ๆ ไปเลย จุดหมายของของเราก็คือ “ซานถานอิ้นเยว่” ที่มีลักษณะคล้าย ๆ โคมไฟ 3 ดวงอยู่กลางน้ำ โดยในคืนเดือนเพ็ญจะสามารถเห็นพระจันทร์ทั้งหมด 32 ดวง ซึ่งเป็นดวงจันทร์บนท้องฟ้า 1 ดวง และเงาของดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่สะท้อนบนผิวน้ำอีก 1 ดวง และแสงสะท้อนจากโคมไฟบนผิวน้ำอีก 30 ดวง ความสวยงามนี้ยังถูกตีพิมพ์ไว้บนด้านหลังของธนบัตร 1 หยวนของจีนที่ใช้กันในปัจจุบันนี้ด้วยนะคะ หลังจากนั่งเรือชมวิวทะเลสาบซีหูกันครบ 1 ชั่วโมงแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นสบายขึ้นเหมาะแก่การเดินเล่นชมวิวไปตามถนนรอบ ๆ ทะเลสาบที่มีต้นไม้ให้ร่มเงาทั้ง 2 ข้าง บรรยากาศดีมาก ๆ เลยค่ะ ช่วงนี้ต้นไม้อยู่ในช่วงเปลี่ยนสีมีทั้งสีเหลือง สีแดง และสีน้ำตาล ทำให้บรรยากาศยิ่งดูอบอุ่น และโรแมนติกมาก ๆ เลยค่ะ ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางของทะเลสาบซีหูที่มากถึง 15 กิโลเมตรจึงยังมีความสวยงามของทะเลสาบ และสิ่งก่อสร้างทางวัฒนธรรมที่อยู่รอบ ๆ อีกหลายมุมให้ได้ชื่นชมความสวยงามของทะเลสาบแห่งนี้ หากเพื่อน ๆ นักเดินทางกำลังมองหาสถานที่สวยงามและอบอวลไปด้วยความโรแมนติก อย่าลืมนึกถึงทะเลสาบซีหู เมืองหางโจวแห่งนี้นะคะ แล้วคุณจะตกหลุมรักสถานที่แห่งนี้ได้ไม่ยากเลย ภาพถ่าย : ChibiJibiar