ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในไทยที่ยังคงน่าเป็นห่วงกันอยู่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเข้าใกล้หลักแสนทุกทีๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันก็เป็นหลักพันมานานเป็นเดือน จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทำให้ทางออกของปัญหาโควิดตอนนี้นอกจากที่ทุกคนจะต้องตั้งการ์ดไม่ตกกันแล้ว มันจำเป็นที่ทุกคนจะต้องได้รับการติดอาวุธด้วย อาวุธที่ว่าก็คือ วัคซีนโควิด แต่ด้วยตัวเลือกวัคซีนในไทยตอนนี้ที่ยังคงเป็นปัญหากันอยู่ บางคนสงสัยในคุณภาพของวัคซีน บางคนกังวลว่าวัคซีนจะทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเรา บางคนเกรงว่าเมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว บางคนต้องการทางเลือกวัคซีนให้มากกว่านี้ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเรามีข้อมูลที่มาที่ไปของวัคซีนกันน้อยมาก จึงทำให้หลายคนอาจยังไม่มั่นใจในตัววัคซีนเท่าที่ควร ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูสารคดี Coronavirus, Explained ทางช่อง Netflix ที่มีทั้งหมด 3 ตอน โดยใน EP.2 ของสารคดีได้กล่าวถึงที่มาที่ไปของวัคซีนโควิดไว้อย่างน่าสนใจมาก โดยปกติเมื่อเชื้อโรคทุกชนิดเข้าร่างกายเมื่อใดร่างกายเราจะมีวิธีจัดการเชื้อโรคหลากหลายแบบ และหน่วยป้องกันในร่างกายของเราในการดักจัดการเชื้อโรคที่สำคัญเลยก็คือเม็ดเลือดขาว เมื่อเม็ดเลือดขาวในร่างกายเจอเชื้อโรคแล้วก็จะจัดการเชื้อโรค แล้วทิ้งเศษซากเชื้อบางส่วนที่ไม่ทำอันตรายเราไว้ซึ่งเรียกว่า แอนติเจน จากนั้นร่างกายเราจะรับรู้ได้ว่าเจ้าแอนติเจนนี่เป็นสิ่งแปลกปลอมจึงได้สร้างแอนติบอดีขึ้นมาเพื่อจัดการสิ่งแปลกปลอมนี่ให้หมดไป รวมไปถึงหากเราได้รับเชื้อนี้ในอนาคต ร่างกายเราจะจดจำเชื้อโรคนี้ได้ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ภูมิคุ้มกันที่ถูกสร้างขึ้นมาก็พร้อมที่จะจัดการเชื้อไปในทันที แต่การที่ร่างกายเราจะจดจำและรู้ว่าเชื้อโรคเป็นสิ่งแปลกปลอมได้นั้นต้องใช้เวลา และในช่วงเวลานี้ร่างกายเราจะอ่อนแอลงเพราะโดนเชื้อไวรัสเข้าจู่โจมทำลายเซลล์ต่างๆ โดยที่ร่างกายยังไม่มีแอนติบอดีคอยต่อสู้กับมัน เนื่องจากเม็ดเลือดขาวยังไม่รู้จักมัน ซึ่งหากคนที่ร่างกายแข็งแรงก็จะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้จนถึงช่วงที่ร่างกายสร้างแอนติบอดีขึ้นมา ร่างกายก็จะกำจัดเชื้อไวรัสในร่างกายไปได้เอง แต่ถ้าคนที่มีโรคประจำตัว ร่างกายไม่แข็งแรง ก็อาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ร่างกายจะสร้างแอนติบอดีขึ้นได้ ซึ่งบางครั้งร่างกายก็ทนไม่ไหวเพราะโดนเชื้อไวรัสทำลายเซลล์ภายในจนยากที่จะฟื้นคืนกลับมาดังเดิมจนนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด วัคซีนจึงได้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสขึ้นมาให้เร็วขึ้น หลักการทำงานของวัคซีนจะสร้างการติดเชื้อครั้งแรกแบบหลอกๆ เพื่อสอนให้ร่างกายรู้จักและจะตอบสนองต่อเชื้อไวรัสอย่างไร เพื่อที่ว่าเมื่อต้องเจอกับไวรัสของจริงร่างกายก็จะพร้อมที่จะต้านมัน สำหรับวัคซีนที่มีอยู่บนโลกตอนนี้ มีที่มาแตกต่างกัน และการผลิตก็แตกต่างกัน วัคซีนรุ่นแรก คือ การนำเชื้อไวรัสมาเพาะเลี้ยงแล้วทำให้มันอ่อนแอลง หรือบางทีก็ทำให้เชื้อตาย เมื่อฉีดวัคซีนเข้าร่างกาย เชื้อไวรัสจึงไม่มีความรุนแรงมากพอจะทำอันตรายต่อเราได้ แต่เชื้อไวรัสมันยังมีแอนติเจน ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมและจะสร้างระบบภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อระวังไวรัสตัวนี้ขึ้นมา วัคซีนที่เคยผลิตด้วยวิธีนี้จะมี วัคซีนโรคหัด วัคซีนหัดเยอรมัน วันซีนโรคคางทูม วัคซีนอีสุกอีใส วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวิธีการทำวัคซีนที่ใช้กันมานานหลายสิบปี นักวิทยาศาสตร์ค่อนข้างคาดเดาผลข้างเคียงของมันได้เนื่องจากมีการผลิตด้วยวิธีนี้มาอย่างยาวนาน แต่วิธีนี้การผลิตมันจะช้า เพราะต้องเพาะเลี้ยงเชื้อไวรัสอยู่หลายเดือนในเซลล์สิ่งมีชีวิตอื่น เช่น ไข่ไก่ วัคซีนโควิดที่ใช้การผลิตแบบนี้ คือ Sinovac โดยผลิตจากวัคซีนเชื้อที่ตายแล้ว วัคซีนรุ่นทีสอง เป็นวิธีการผลิตวัคซีนที่พัฒนามาจากรุ่นแรก โดยการใช้เทคนิคตัดต่อพันธุกรรมของเชื้อไวรัสใส่เข้าไปในไวรัสตัวอื่นที่ไม่เป็นอันตรายแล้วฉีดเข้าไปในร่างกายของเรา วัคซีนจะนำพาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเข้าไปในเซลล์ ทำให้ร่างกายรับรู้สิ่งแปลกปลอมที่เป็นแอนติเจนของไวรัส จึงสร้างระบบภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อระวังไวรัสตัวนี้ได้ วัคซีนที่เคยผลิตด้วยวิธีนี้จะมี วัคซีนโรคไวรัสตับอักเสบบี วัคซีนโรคไอกรน วัคซีนโรคไข้กาฬหลังแอ่น ส่วนวัคซีนโควิดที่ใช้การผลิตตัดต่อพันธุกรรมแบบนี้ คือ AstraZeneca วัคซีนรุ่นที่สาม mRNA เป็นวิธีการผลิตแบบใหม่ล่าสุด โดยที่ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดนำมาจากเชื้อไวรัสจริงเลย แต่เป็นการใช้รหัสพันธุกรรมของไวรัสตัวนั้นมาทำเป็นวัคซีนขึ้นมา แล้วฉีดเข้าไปในร่างกายเรา รหัสพันธุกรรมเมื่อเข้าไปมันจะไปกระตุ้นให้เซลล์สร้างแอนติเจนขึ้นมา เมื่อแอนติเจนเกิด ร่างกายเราจะตรวจเจอสิ่งแปลกปลอมจนสร้างแอนติบอดีภูมิคุ้มกันขึ้นมาในที่สุด มันเป็นวิธีที่ไม่ต้องเพาะเชื้อ ไม่ต้องตัดต่อพันธุกรรมของไวรัสทำให้สะดวกรวดเร็วในการผลิตกว่าสองแบบแรกมาก แต่มันเป็นวิธีที่ใหม่มาก การทดลองใช้กับมนุษย์จึงยังไม่เคยมีมาก่อนจึงไม่มีใครคาดเดาได้ถึงผลระยะยาว แต่ด้วยสถานการณ์โควิดได้บีบคั้นให้ต้องมีวัคซีนออกมาใช้กับมนุษย์ให้เร็วที่สุด วิธีการผลิตวัคซีนโควิดแบบ mRNA จึงถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในมนุษย์ ซึ่งวัคซีนที่ใช้การผลิตด้วยวิธีนี้ คือ Pfizer, Moderna ไม่มีวัคซีนไหนที่ได้ผล 100% แต่มันก็สามารถที่จะหยุดยั้งการระบาดในวงกว้างได้ในอดีต โรคฝีดาษเคยทำให้คนเสียชีวิตหลายล้านคน แต่เมื่อมนุษย์เราผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้ โรคฝีดาษจึงหายไป ด้วยเพราะประชากรโลกมีภูมิคุ้มกันหมู่ ภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดได้นั้นมาจากสองเหตุผลด้วยกัน หนึ่งคือ คนที่เคยเป็นแล้วรอดชีวิตมาได้จนร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา กับสองคนที่ได้รับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เมื่อประชากรโลกมีคนที่ร่างกายมีแอนติบอดีต้านไวรัสจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เชื้อไวรัสมันก็แพร่กระจายไปสู่คนอื่นได้ยากตาม การฉีดวัคซีนจึงไม่ใช่แค่การป้องกันให้กับตัวเองเท่านั้น แต่มันเป็นการป้องกันให้กับคนอื่น ให้กับชุมชน ให้กับสังคม ร่วมไปถึงคนที่ร่างกายอ่อนแอที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้ด้วย ดังนั้นการจะฝ่าฟันโควิดในครั้งนี้ได้นั้น ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจของคนทั้งโลก หลายคนมองว่า End game ของโควิด อาจไม่ได้อยู่ที่วัคซีน แต่อยู่ที่ยารักษา เพราะมนุษย์เรายังไม่ทันฉีดวัคซีนกันครบ เชื้อมันก็กลายพันธุ์จนต้องผลิตวัคซีนขึ้นมาใหม่ และกว่าจะได้ฉีดเข้าร่างกายมนุษย์ในวงกว้าง เชื้อมันก็กลายพันธุ์ไปอีกไม่รู้จบสิ้น แต่กว่าที่ยารักษาจะถูกผลิตออกมาให้ใช้กับมนุษย์ได้นั้น จากข่าวล่าสุดทางไฟเซอร์ได้ประกาศว่า อย่างเร็วที่สุดก็ปลายปี และกว่ามันจะกระจายไปยังประเทศอื่นทั่วโลกได้ก็ต้องใช้เวลาอีกนานนับเดือน ดังนั้นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเราในการสู้กับโควิดตอนนี้ก็คือ วัคซีน แม้ประสิทธิภาพอาจไม่ได้ผล 100% แม้อาจมีความเสี่ยงเรื่องผลข้างเคียง แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยชะลอตัวเลขผู้ติดเชื้อ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตไม่ให้ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว วัคซีนที่ดีที่สุดตอนนี้ อาจเป็นการที่เราได้ฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดก็เป็นได้ครับ... หมายเหตุ ก่อนไปฉีดควรอ่านศึกษาข้อปฏิบัติ ข้อควรระมัดระวังในการฉีดวัคซีน ใครที่ฉีดได้ ใครที่ยังไม่ควรฉีด เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงด้วยครับ บทความจากเพจ "ปั่นเรื่อง เป็นภาพ" ขอบคุณภาพจาก imdb ขอบคุณภาพจาก imdb ขอบคุณภาพจาก imdb ขอบคุณภาพจาก imdb