จากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสอย่างรวดเร็ว โดยปกติแล้วการพัฒนาวัคซีนจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้รับอนุมัติใช้ แต่เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ครั้งนี้ทำให้วิทยาการการพัฒนาวัคซีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติใช้ส่วนมากเป็นแบบที่ต้องใช้เข็มฉีดยา แต่สำหรับบางคนที่กลัวเข็มหรือไม่ชอบอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด การฉีดวัคซีนอาจจะทำให้รู้สึกไม่ดีนัก รวมทั้งวัคซีนบางยี่ห้อต้องเก็บในที่อุณหภูมิที่ต่ำมาก ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนโควิด 19 แบบที่ไม่ใช้เข็มฉีดยาซึ่งง่ายต่อการฉีดและการจัดเก็บ ในตอนนี้มีวัคซีนโควิดแบบไม่ใช้เข็มฉีดยาทั้งหมด 5 รูปแบบ 1. วัคซีนชนิดฉีดแบบไร้เข็ม การฉีดแบบไร้เข็มได้พัฒนามาตั้งแต่ก่อนการระบาดของไวรัสโควิด 19 นานแล้ว แต่ยังไม่แพร่หลายเท่าการใช้เข็มฉีดยา การฉีดแบบไร้เข็มสามารถใช้ได้ทั้งยาและวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบผงหรือแบบแห้ง อุปกรณ์ที่ใช้ฉีดจะคล้ายกับเข็มฉีดยาแต่ไม่ได้ใช้เข็มทิ่มเข้าไปในร่างกาย แต่จะใช้แรงดันดันให้ยาหรือวัคซีนเข้าไปในร่างกาย ข้อดีของการฉีดวัคซีนแบบนี้คือลดภาวะการเกิดลิ่มเลือดและใช้ปริมาณวัคซีนน้อยกว่าการฉีดแบบใช้เข็ม 2. วัคซีนชนิดพ่นทางจมูก เมื่อเรารับวัคซีนชนิดพ่นทางจมูกแล้ว วัคซีนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันในระบบเยื่อเมือกที่บริเวณโพรงจมูก การติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จะติดผ่านระบบหายใจ ดังนั้นการใช้วัคซีนแบบพ่นทางจมูกก็จะทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อต้านการติดเชื้อไวรัสโดยตรง ส่งผลให้ไวรัสไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้และสามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากกว่าการใช้วัคซีนแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้ออีกด้วย วัคซีนชนิดพ่นทางจมูกเคยถูกใช้กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่มานานแล้ว แต่ยังไม่แพร่หลายเท่าแบบเข็มฉีดยา หลายบริษัทก็กำลังพัฒนาวัคซีนชนิดพ่นทางจมูกและคาดว่าจะสามารถอนุมัติใช้ได้ภายในปี 2565 3. วัคซีนชนิดกิน วัคซีนชนิดกินจะมีลักษณะเหมือนกับยาเม็ดหรือแคปซูลทั่วไป เมื่อกินวัคซีนเข้าไปแล้ว ตัววัคซีนจะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันในทางเดินอาหาร ข้อดีของวัคซีนแบบนี้คือการเก็บรักษาที่ไม่ต้องเก็บในตู้เย็น สามารถเก็บรักษาได้ง่ายและทนอุณหภูมิสูงกว่าวัคซีนแบบอื่นมาก นอกจากนี้ยังไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการฉีด สามารถกินได้เองที่บ้านก็ได้ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรือศูนย์ฉีดให้เสียเวลา 4. วัคซีนชนิดสูดทางปาก วัคซีนแบบนี้จะคล้ายกับวัคซีนชนิดพ่นทางจมูกที่ให้วัคซีนเข้าไปสู่ระบบหายใจเพื่อไปกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันสร้างภูมิคุ้มกันในทางเดินหายใจเพื่อป้องกันไวรัส ข้อดีสำคัญของวัคซีนชนิดนี้คือสามารถทนอุณหภูมิได้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส ไม่ต้องเก็บไว้ที่ตู้แช่เย็นอุณหภูมิติดลบ สามารถประกอบและใช้ได้เองโดยไม่ต้องมีบุคลากรทางการแพทย์คอยช่วยฉีด 5. วัคซีนชนิดแผ่นติดผิวหนัง วัคซีนชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นแผ่นแปะโพลีเมอร์มีขนาด 1 ตารางเซนติเมตร และมีเข็มขนาดเล็กที่พิมพ์ 3 มิติ เพื่อส่งวัคซีนให้ซึมเข้าสู่ผิวหนังซึ่งเข็มขนาดเล็กนี้เล็กมากจนไม่รู้สึกเจ็บ จากการทดลองวัคซีนชนิดนี้สร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าวัคซีนแบบฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อถึง 50 เท่า และวัคซีนชนิดแผ่นติดผิวหนังสามารถนำไปพัฒนาเป็นวัคซีนสำหรับโรคอื่น ๆ ได้อีกในอนาคต เช่น ไข้หวัดใหญ่ หัด ไวรัสตับอักเสบ ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการฉีดวัคซีนหลายแบบ แต่ทุกวิธีที่กล่าวมานี้ยังอยู่ในระหว่างการทดลองอยู่ และยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะสามารถอนุมัติให้สามารถใช้ได้ ดังนั้นสำหรับใครที่รอฉีดวัคซีนแบบไม่ใช้เข็มฉีดยาล่ะก็ ผู้เขียนแนะนำว่าควรฉีดวัคซีนที่มีตอนนี้ก่อนแล้วค่อยฉีดวัคซีนแบบไม่ใช้เข็มฉีดยาเป็นเข็มกระตุ้นก็ยังไม่สาย ข้อมูลจาก TNN ONLINE 1 / 2 / 3 / 4 / CDC ภาพปกและภาพประกอบจาก Unsplash / Towfiqu barbhuiya ภาพปก ภาพประกอบ / CDC ภาพที่ 2 / freestocks ภาพที่ 3 / Mockup Graphics ภาพที่ 4 Facebook - Quinovare ภาพที่ 1 / MEMS and Nanotechnology laboratory at Chula ภาพที่ 5 อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !