"วังเวียง" ไม่วังเวง สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนไปวังเวียงกันค่ะ ค่าเสียหายคนละ 3,000 บาทโดยประมาณรวมทุกอย่างแล้ว ถูกมากๆเลยใช่มั้ยล่ะคะ ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าใน 3 วัน 2 คืนและเงินคนละ 3,000 บาทพวกเราไปที่ไหนเที่ยวอะไรกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลย เริ่มกันที่ค่าใช้จ่ายต่างๆอันดับแรกเลยค่ารถขาไปคนละ 320 บาท ขึ้นรถที่บขส.อุดรธานีค่ะ เป็นรถบัสชั้นเดียวและเป็นรถโดยสารระหว่างประเทศ เส้นทางเดินรถคือ อุดรธานี-หนองคาย-วังเวียง แต่ถ้าเราขึ้นรถที่หนองคาย ค่ารถก็จะจ่ายเพียง 270 บาทค่ะ "พาสปอร์ต 4 เล่มกับใจ 4 ดวง ลุย!" ในระหว่างการเดินทาง พนักงานบริการบนรถจะมีเอกสารมาให้เรากรอกเตรียมการไว้ เพื่อที่ว่าเวลาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองเราจะได้ยื่นเอกสารอย่างรวดเร็ว และไม่เสียเวลาเดินทางค่ะ เมื่อถึงด่านตรงฝั่งลาวนะคะทางพนักงานบอกให้เราลงไปตรวจพาสปอร์ตอีกรอบนึง พร้อมกับให้เราแลกเงินและซื้อซิมอินเทอร์เน็ตที่นั่นเลย ซึ่งต่อมาเราใช้วิธีการลงเงินกองกลางกันค่ะคนละ 2,000 บาท รวมเป็น 8,000 บาทแล้วไปแลกได้ 2,200,000 กีบโดยประมาณ จากนั้นจะซื้อจะจ่ายอะไรก็กองกลาง เราซื้อซิมกันทั้งหมด 320 บาท " วาสนาได้จับเงินล้าน อิอิ 💸💸" เรานั่งรถจากอุดร-วังเวียง 7 ชม. โดยประมาณค่ะ ทางไปวังเวียงเป็นเขานิดหน่อย เป็นเนินเล็กน้อย พอได้วูบวาบบ้าง ตูดชาไปตามๆกัน 🤣 เวลาประมาณบ่าย 3 โมงเรามาถึงแล้วเราก็ไปที่พักเพื่อเช็คอินกัน ที่พักเราชื่อว่า Cliff View Riverside ค่ะ คืนละ 1,200 บาท นอน 4 คน 2 คืน เฉลี่ยแล้วจ่ายคนละ 600 บาท ซึ่งเราจองผ่านแอป Traveloka และจ่ายเรียบร้อยแล้ว ที่ๆเราพักวิวดีมากติดแม่น้ำติดภูเขา ใครอยากได้ถูกกว่านี้ก็มีนะคะ หรือจะเป็น hostel คืนละไม่ถึงร้อยก็มีนะ "ว้าวววว สวรรค์ชัดๆ" ถึงเวลาอาหารของเราแล้ว เราเดินมาหน้าที่พักซึ่งเป็นร้านอาหารติดแม่น้ำชอง รสชาติค่อนข้างโอเคเลยคล้ายคลึงอีสานบ้านเรา ถือว่ารสดีทีเดียว ราคาอาหารเท่ากับที่ไทยค่ะ ไม่ต่างกันมากเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว " อิ่มมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว" เมื่อเรากินข้าวกันอิ่มแล้วเราก็เล่นน้ำ ถ่ายรูปเล่นที่แม่น้ำชอง พร้อมกับโบกมือทักทายผู้คนทั้งคนไทย ต่างชาติ ที่นั่งเรือหรือพายเรือคายัคผ่านเราไป บรรยากาศดีสุดๆเลยขอบอก " ถ่ายรูปกันหน่อยเร็ว 📸 " วีดิโอDay1 in Vangvieng รับชมได้ที่ https://youtu.be/lVb2kccUNF8 เช้าวันถัดมา... ในเช้าวันที่สอง เราอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เดินไปยังที่ๆบริการทริปนำเที่ยว เราเลือกซื้อทริป one day trip ซึ่งมีหลายเส้นทางหลายกิจกรรมให้เราเลือก ราคาแตกต่างกันไปตามจำนวนและตามกิจกรรม มีอาหารกลางวันให้เราเรียบร้อย ทริปที่พวกเราเลือกไปมี - พายเรือคายัค - นั่งห่วงยางรอดถ้ำ - และบลูลากูล ทริปเราคนละ 170,000 กีบ ใช้สกิลฝีปากในการต่อลดเหลือ 150,000 กีบ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 500 บาทค่ะ *ทริคคือพูดอีสานใส่เลย คนบ้านเดียวกัน 😂😂* " กิจกรรมพายเรือคายัคของเรา🚣🏻 " เราพายเรือล่องแม่น้ำชองมาเรื่อยๆจนมาถึงจุดที่พักเรือ หลังจากจอดเรือเราก็เดินตามสะพานฟ้า เพื่อไปเล่นกิจกรรมนั่งห่วงยางลอดถ้ำ และพักทานอาหารกลางวัน (กิจกรรมนั่งห่วงยางลอดถ้ำไม่สามารถนำกล้องเข้าไปได้ หลังจากทำกิจกรรมและทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วเราก็พายเรือต่อไปจอดฝั่งตรงข้ามที่พักเรา แล้วก็ต่อรถไปบูลลากูนซึ่งเป็นกิจกรรมสุดท้าย " ถึงแล้ว...บูลลากูน " " อุ๋งๆๆ😊 " หลังจากเสร็จกิจกรรมทุกอย่างพวกเราก็กลับที่พัก อาบน้ำแต่งตัวสวยๆเพื่อไปที่ "ซากุระบาร์" 😁😁 " เราจะไปส่องอปป้า 🤣🤣 " ซารุกะบาร์อปป้าเยอะมากๆๆๆๆ งานดีๆทั้งนั้นเดินไปไหนก็เจริญหูเจริญตา ดีต่อใจมากแม่จ๋าาาา 💕 หลังจากเราดื่มน้ำเก๊กฮวยเสร็จเราก็กลับห้องอาบน้ำนพักผ่อน Zzzzz วีดิโอDay2 in Vangvieng รับชมได้ที่ https://youtu.be/9yyfhBL8eGs เช้าวันที่ 3 ... พวกเราตื่นกันตอน 7-8 โมงเช้า เพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน เราเผื่อเวลาไปถ่ายรูปกันก่อนกลับที่แม่น้ำชองฝั่งตรงข้ามกับที่พักกัน ไปดูรูปกันเลย 😉 " I love Vangvieng💕 " เราประทับใจทริปนี้มาก เป็นทริปที่ได้พูดคุยกะเพื่อนต่างชาติ ทั้งเกาหลีทั้งฝรั่ง ก็งูๆปลาๆสไตล์ สนุกดีนะ เต้นๆอยู่สาวเกาหลีก็มาเต้นด้วยทักทายกลายเป็นเพื่อนเฉย 555 เป็นทริปที่ทำให้เรารู้สึกว่า มิตรภาพมันไม่จำกัดเชื้อชาติ มันเป็นแบบนี้นี่เอง เงิน 3,000 บาทของพวกเรา ก็หมดกับการซื้อทริปเที่ยว แล้วก็กินซะส่วนใหญ่ แต่มันไม่ได้อิ่มท้องอย่างเดียวหน่ะสิคะ การตื่นมาเจอกับเมฆหมอกลอยผ่านภูเขาแบบนี้มันสวรรค์ชัดๆ บรรยากาศเหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ เงินที่จ่ายไปดูน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราได้สัมผัส คำว่า "ดีต่อใจ" มันมีอยู่จริง เครดิตภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน