วัฒนธรรม คือ สิ่งที่แสดงออกซึ่งความเจริญงอกงามของสังคมมนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องของมนุษย์กับความเชื่อ ดังนั้นเมื่อเราจะพูดถึงความจริงของวัฒนธรรมกับการเกษตร จึงเป็นเรื่องของมนุษย์กับธรรมชาติ ดังนั้น “วัฒนธรรมการเกษตร” ของมนุษย์เราน่าจะเป็น “ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อม” อยากให้เราลองมองภาพจากอดีตจนถึงปัจจุบันจะพบว่ามีวัตถุประสงค์ที่เราเพาะปลูกแตกต่างไป ลองทบทวนวิถีเกษตร โดยข้ามเทคนิคและวิธีการ ย้อนหลังไปเมื่อในอดีต…การเกษตร หมายถึง การเพาะปลูก การปศุสัตว์ การประมง การทำไร่ ทำสวน ทำนา เป็นกิจกรรมสืบสานสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน นับแต่มนุษย์เรียนรู้ในการเก็บหาของป่า ไล่ล่าสัตว์ป่าเป็นอาหาร เรียนรู้ธรรมชาติเป็นนักนิเวศวิทยาเชิงลึก แล้วริเริ่มวิวัฒนาการจากการเก็บหาของป่า ไล่ล่าสัตว์ป่า มาเป็นการนำพืชป่ามาเพาะปลูก นำสัตว์ป่ามาเพาะเลี้ยง เพื่อเป็นอาหาร เป็นแรงงานในการเพาะปลูก การเกษตรของมนุษยชาติเริ่มเป็นรูปแบบเมื่อประมาณ 12,000 ปี ในปัจจุบัน …การเกษตร เกิดการเปลี่ยนแปลงจากวัฒนธรรมการเกษตรเพื่อการหาอยู่ หากิน เพื่อดำรงอยู่ เป็นการเพาะปลูกเพื่อผลิตแบบอุตสาหกรรม ผลิตจำนวนครั้งละมากๆ เพื่อตอบสนอง อุปสงค์-อุปทาน และเพื่อตอบสนองประชาชนจำนวนมากๆ วิวัฒนาการการเกษตรเริ่มปรับตัวมากขึ้น การเกษตรในปัจจุบันจึงมีการใช้ประโยชน์พื้นที่เดิม โดยเพาะปลูกพืชชนิดเดียวซ้ำๆ เมื่อดินเสื่อมคุณภาพก็ใส่สารเคมี เมื่อมีโรคแมลงก็ต้องพึ่งพาสารเคมี เพื่อตอบสนองความต้องการด้านอาหารของสังคมมนุษย์ ที่มีตั้งถิ่นฐานมั่นคงเป็นกลุ่ม เป็นหมู่บ้าน เป็นเมือง เป็นอาณาจักร เป็นประเทศขยายใหญ่ขึ้น และเราไม่ได้ทำเกษตรกรรมเองแล้ว เราพึ่งพา “เกษตรกร”การเกษตรในปัจจุบันจึงมีพัฒนาการไปสู่การเกษตรเชิงพาณิชย์ ผลิตเพื่อการจำหน่าย การเกษตรอุตสาหกรรม ผลิตเพื่อป้อนผลผลิตให้แก่โรงงานแปรรูป การเกษตรแบบนี้มีวิทยาการเชิงวิชาการซับซ้อนมากขึ้น มีการใช้สารเคมี ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช การตัดแต่งพัฒนาพันธุกรรม เพื่อการเพิ่มผลผลิตให้ได้จำนวนมากต่อหน่วยพื้นที่ในอนาคต …วัฒนธรรมการเกษตรยั่งยืน Cultural Sustainable Agricul คือ กิจกรรมทางการเกษตรที่จะต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สังเกตได้จากผู้คนเริ่มสนใจเกษตรอินทรีย์ อาหารปลอดภัย ที่กำลังพัฒนาตัวเอง ในอีกไม่ช้านาน “เกษตรกรรมยั่งยืนจะเป็นวัฒนธรรมกระแสหลัก” คู่กับโลกใบนี้ เราอาจกำลังหมายถึงการทำเกษตรกรรม เพื่อทดแทนพื้นที่ป่าหรือพื้นที่สีเขียนของโลกใบนี้ที่ลดลง ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการเกษตรในอนาคตอันใกล้นี้ น่าจะหมายรวมถึง “การผลิตอาหารควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ”จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เรามีวัตถุประสงค์การกิจกรรมการเกษตรที่แตกต่างกัน พบว่า อดีตกว่าหมื่นปี เราทำเกษตรกรรมเพื่อการดำรงชีวิตและเผ่าพันธุ์ โดยพึ่งพาอาศัยกันอย่างดี แล้วในปัจจุบันเราทำเกษตรเพื่อตอบสนองต่อระบบอุตสาหกรรมและความมั่งคั่ง ซึ่งเราใช้เวลาหลักร้อยๆ ปี ฉกฉวยเอาทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นของตนเองและไม่ได้ดูแล ซึ่งในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เราจึงต้องทำเกษตรกรรมเพื่อความมั่นคงด้านอาหาร สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพราะเรากำลังประสบปัญหา สิ่งแวดล้อมที่กำลังทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และพื้นที่ป่าลดลง ดังนั้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทำเกษตรกรรมของมนุษย์จึงต้องเป็นการเพิ่มทีสีเขียวทดแทนคืนกลับให้โลกใบนี้ ซึ่งจะกลายเป็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ อีกครั้ง จึงจะกลายเป็น “วัฒนธรรมการเกษตร” ผมหวังว่าจะสร้างแรงบันดาลใจมากขึ้นต่อ “วัฒนธรรมการเกษตรยั่งยืน” ถ้าเรายังคิดเหมือนเดิม ทำเหมือเดิมแล้วคาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ใหม่ๆ ได้อย่างไร ??? ในเมื่อโลกใบนี้กำลังทรุดโทรมทุกวันรูปภาพทั้งหมดเป็นของผู้เขียนเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !