ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า คำนี้น่าจะได้อ่านกันจนคุ้นตา มาประเทศภูฏานต้องมาที่วัดทักซัง ชาวภูฏานบอกว่า ต้องไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้สักครั้งก่อนตาย การเดินทางไปประเทศภูฏานเป็นความพิเศษที่เฉพาะบุคคลเท่านั้น ประเทศนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางต้องเป็นคนที่มีรายได้ระดับดี เพราะค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากกว่าการไปเที่ยวในโซนยุโรป แต่ที่นี่มีดีมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัส วัดทักซัง หรือ วัดรังเสือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อและต้องไปให้ถึง เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศนี้ในระยะเวลา 5 วัน 4 คืน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองพาโร เรามาเริ่มกันเลย ก่อนการเดินทางต้องเตรียมตัวเอย่างไร เราต้องไปเดินขึ้นเขาหนึ่งลูก ซึ่งมีความสูงประมาณ 3,300 เมตร จากระดับน้ำทะเล หนึ่งวันก่อนการเดินทาง สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้ 1.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ 2.แต่งตัวให้กะทัดรัด รองเท้าแนะนำเป็นรองเท้าผ้าใบเพื่อความสะดวกในการเดินทางบนภูเขา 3.ไม่นำสิ่งของไม่จำเป็นติดตัวไป 4. เตรียมน้ำดื่ม 1 ขวด 5. ชอคโกแลต 6.กล้องถ่ายรูป สำหรับใครที่มีพลังเยอะ ก็ขนของไปได้นะคะ เช่น ขนมเพื่อไปทำบุญก็นำติดตัวไปได้เลย หรือจะเตรียมสิ่งของอื่นๆไปด้วยก็ได้ แต่เน้นว่าสิ่งที่จำเป็นนะคะ อ้อ อย่าลืม ยาประจำตัว เช้าวันเดินทาง เราตื่นนอนมาแต่เช้า กับอากาศหนาวๆ เราเตรียมตัวมีเสื้อกันหนาวไปด้วยหนึ่งตัว การเดินทางครั้งนี้ เราเตรียมขนมไปทำบุญด้านบนวัดทักซังด้วย อาหารเช้าวันนี้เราทานที่โรงแรม เรียบร้อยแล้วเราก็มาเตรียมรอขึ้นรถ ระหว่างการรอก็มาเก็บภาพสวยๆช่วงเช้าของเมืองพาโร โรงแรมที่เราพักตั้งอยู่บนภูเขาสูงเลยโชคดีมองเห็นตัวเมืองพาโรทั้งเมือง สวยจริง เริ่มออกเดินทางโดยรถบัสเล็กมีที่นั่งประมาณ 25 ที่นั่ง มีไกด์ท้องถิ่นมารับคณะ เราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 นาที ก็ถึงทางขึ้นภูเขา ก่อนออกจากที่พัก ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยด้วยนะคะ เพราะว่าไม่มีห้องน้ำที่จุดขึ้นเขา มาถึงแล้วเตรียมสัมภาระของตัวเองให้พร้อมในการเดินทางถ้าใครเอาของไปเยอะแล้วถือไม่ไหว คนที่จะรับภาระต่อจากเราคือ ไกด์ท้องถิ่น อย่าเอาไปเยอะนะคะ ลำพังตัวเราเองยังเหนื่อยเลย เราเดินทางไปกับคณะประมาณ 16 ท่าน ระหว่างการเดินทางไกด์ท้องถิ่นก็จะแนะนำการเดินทางไปวัดทักซังซึ่งจะมีสองวิธีคือ การขี่ม้า และ การเดินเท้า สำหรับท่านที่ต้องการขี่ม้า ไกด์ท้องถิ่นแนะนำว่า ห้ามส่งเสียงดังเวลาอยู่บนหลังม้า ให้เราเอนตัวตามการขึ้นลงเขาของม้า ในคณะจะมีคนจูงม้าประมาณ 2 คน คือ ตัวหน้าสุด และ หลังสุดเท่านั้น ม้าตัวอื่นๆจะเดินตามกันไป แต่จะมีไกด์ท้องถิ่นและผู้ช่วยอีกหนึ่งคนคอยช่วยดูแล สำคัญมากคือ ม้าจะเดินริมเขานะคะ ย้ำ ม้าจะเดินริมเขา ไม่ต้องกลัวเพราะม้าจำทางได้แล้ว หนึ่งวันม้าจะเดินหลายรอบ ไกด์ท้องถิ่นบอกเรา ลงรถแล้ว จะมีชาวบ้านมาขายไม้เท้า แนะนำสำหรับท่านที่ไม่แข็งแรง สามารถช่วยได้เยอะเลย ราคาประมาณ 50 - 100 บาท เดินมาสักพักก็จะเจอร้านค้าก่อนขึ้นเขา แน่นอนนักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่มีใครไม่แวะ สินค้าที่นี่จะมีเป็นเครื่องทองเหลือง กำไล มีทั้งชิ้นเล็กและชิ้นใหญ่ ราคาก็เริ่มหลักร้อย ต่อรองได้ด้วยนะคะ แต่ช้าก่อน เราต้องเดินขึ้นภูเขา แนะนำให้ซื้อตอนลงมานะคะ ร้านขายของก่อนขึ้นเขา เพื่อไปวัดทักซัง เป้าหมายของเราวันนี้ อยู่บนยอดเขา ซึ่งมีหมอกปกคลุม เราต้องไปให้ได้ เราเริ่มเดินทางจากจุดนี้ประมาณ 08.00 น. เราไม่ขี่ม้านะ เราแข็งแรง และ ฝึกความอดทนของตัวเองในหนึ่งวันนี้ เป็นการเดินทางที่ตื่นเต้นมาก เริ่มเดินทางไปสักพักจะเห็นยอดเขาซึ่งเป็นเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ แต่ดีที่อากาศไม่ร้อน ทางเป็นทางเดินป่าซึ่งต้องใช้ความระมัดระวัง ทั้งทางขึ้นลงเขาด้วย ผ่านไปประมาณ 15 นาที เริ่มหอบ และ เหนื่อย และได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังมาก พอเหนื่อยก็พัก และ เริ่มเดินทางต่อ ถือว่าเป็นการเดินทางที่ต้องอดทน และ ใช้ความพยายาม เปรียบเหมือนกับการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย กว่าจะเจอกับความสำเร็จ ต้องใช้ความรู้ความสามารถมากมาย คนอื่นๆก็ขี่ม้า ก็จะตื่นเต้นเพราะม้าเดินริมเขา แต่ก็ดีกว่าเดินเอง บางคนก็รู้สึกสงสารม้า แต่เราว่าถ้าลงมาเดินคงเลิกสงสาร เพราะว่าเหนื่อยกว่าการขี่ม้ามาก เราเดินทางไปถึงจุดพัก ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นร้านอาหารระหว่างทาง ทุกคณะจะต้องมาพักทานอาหารกันที่นี่ บางคณะมาถึง จะพักดื่มชานม และ เข้าห้องน้ำแล้วก็เดินทางต่อเลย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากโซนยุโรป ซึ่งเดินทางกันเร็วและคล่องตัวกว่าคนไทยมาก คณะของเราพักดื่มชานมและรับประทานอาหารกลางวันกันแล้วทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็จะต้องตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือว่าจะรอที่นี่แล้วเดินลง เพราะว่าจุดนี้คือจุดที่ม้ามาส่งได้ แต่หลังจากนี้จะต้องเดินเท้าด้วยตัวเอง มองจากมุมนี้ถือเป็นอีกมุมที่สามารถถ่ายรูปวัดทักซังได้สวยอีกมุม เดินมาใกล้ถึงร้านอาหารจะมีมุมถ่ายภาพสวยๆ ให้เราได้พักเหนื่อย พร้อมแล้วสำหรับการเดินทางในช่วงที่สอง เราต้องเดินเท้า ขึ้นเขาช่วงแรกจะเดินขึ้นภูเขา ผ่านไปประมาณ 30 นาทีจะเริ่มเป็นทางเดินที่สบายมากขึ้น ระหว่างทางถ้าเราเหนื่อยก็เอาชอคโกแลตมาทานได้นะคะช่วยได้เยอะเวลาเราเหนื่อย การดื่มน้ำให้ใช้วิธีการจิบแล้วเดินทางต่อ ระหว่างการเดินทางก็จะเจอนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศที่เดินลงเขามา แต่เขาลงมาเร็วมากค่ะ เรายังเดินไปไม่ถึงแต่เขาเดินลงแล้ว ใกล้ถึงแล้ว เรามาถึงจุดถ่ายภาพอีกจุดที่สวยมาก เป็นจุดที่มองเห็นวัดทักซังได้ชัดขึ้น ตรงนี้เป็นจุดพักเหนื่อย เพราะว่าเป็นที่ถ่ายภาพที่สวย และ ได้พักก่อนลงบันไดอีกช่วงสุดท้ายแล้ว ก็ถึงวัดทักซัง เราเดินลงบันไดมาสักพักก็จะเห็นน้ำตกศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านซ้ายมือ เดินมาถึงตรงนี้แล้วทำให้เราสดชื่นมาก ใกล้ถึงแล้ว ในที่สุดเราก็มาถึงก่อนเข้าไปในวัดทักซังทุกคนจะต้องฝากสัมภาระทุกอย่าง ยกเว้นขนมและเงินที่เอาไปทำบุญ ด้านในถ่ายภาพไม่ได้นะคะ เดินขึ้นบันไดไปอีกนิดนึงก็ถึงแล้ว วัดทักซัง เราเข้าไปในห้องแรก เขาบอกว่าเป็นห้องที่องค์โกรุรินโปเช มานั่งปฎิบัติธรรม ที่นี่มีหลายจุดให้เราได้สักการะ ที่ขาดไม่ได้คือการไปดูถ้ำ ที่เขาให้ชื่อว่าวัดรังเสือ หรือ Tiger's nest คนภูฏานจะมาจุดตะเกียงเนยเพื่อให้ตัวเองมีความสุข รวมถึงสามารถทำบุญให้กับคนอื่นๆได้ด้วย การทำบุญที่นี่ สามารถบริจาคเงิน หรือ นำขนมมาถวายได้ค่ะ หลังจากที่ไปทำบุญแล้ว เราก็จะมาชมวิวสวยๆของภูเขาลูกนี้ เราจะรู้สึกภูมิใจที่เราเดินมาถึงที่นี่ได้ จากนั้นก็จะทยอยลงเขา ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง เดินไปคุยกันไป เหนื่อยก็พัก เราได้อะไรดีๆมากมายจากการเดินทางครั้งนี้ เราเห็นความรักของคู่รัก พี่น้อง คนรู้จัก คนที่ไม่รุ้จัก ความเสียสละ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บางคนไม่ได้รู้จักกัน แต่เมื่อได้มาเดินทางด้วยกัน ทุกคนก็ช่วยเหลือกัน คือความสุขระหว่างการเดินทาง สรุปการเดินทางไปวัดทักซัง คุ้มค่ามากที่เราลงทุน ลงแรงในการไปท่องเที่ยว ความสุขระหว่างการเดินทาง เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และ กัลยาณมิตร เครดิตภาพทั้งหมด โดย ผู้เขียน