บทความนี้ยังหลงกันอยู่กับเมืองเล็ก ๆ ที่มากด้วยเสน่ห์ให้ค้นหากับอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา สถานที่ท่องเที่ยวที่จะชวนทุกคนไปในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพังงาที่ไม่ได้คิดว่าจะไป แต่ประทับใจไม่รู้ลืม เหตุเกิดขณะขับรถทางหลวงชนบทเลียบทะเล เขาปิหลาย - นาใต้ - ท้ายเหมือง เพื่อหาเส้นทางออกสู่ถนนใหญ่ ระหว่างทางก็พบกับรถทัวร์ของคณะผู้แสวงบุญที่มาจากไหนสักแห่งขับหายไปในซอยเล็ก ๆ ริมถนน ด้วยความสงสัยจึงเลียวรถขับตามไปดู และแล้วเราก็พบกับสถานที่อันสวยงามที่ซ่อนตัวอยู่ที่นั้น ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคืออุโบสถไม้หลังงามที่ตั้งอยู่กลางวงล้อมของป่าสน ด้านขวามือเป็นหาดทรายสีขาวกับทะเลสีครามสุดลูกหูลูกตา เสียงคลื่นกระทบฝั่งและสายลมจากทะเลทำให้ลืมความร้อนของพระอาทิตย์ยามบ่ายไปเสียสนิท จึงไม่ลังเลที่จะดับเครื่องรถและเดินเข้าไปสัมผัสสิ่งมหัศจรรย์ตรงหน้าอย่างใกล้ชิด ที่แห่งนี้เรียกว่า “วัดท่าไทร” หรือ “วัดเทสก์ธรรมนาวา” ตั้งขึ้นตามชื่อของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี จากวัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย ซึ่งเป็นพระกรรมฐาน สายวัดป่า ที่ผู้คนในฝั่งอันดามันนับถือเป็นอย่างมาก ภาพพระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ “หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี” (ภาพจากลานธรรมจักร) ย้อนกลับไปในอดีตพื้นที่แห่งนี้คือเขตแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยความลี้ลับ ย้อนกลับไปในอดีตพื้นที่แห่งนี้คือเขตแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยความลี้ลับ ประกอบกับว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นป่าช้าที่ฝั่งศพของชาวบ้านท่าแตงมาแต่โบราณ ซึ่งชาวบ้านเรียกขานที่นี่ว่า “อ่าวเหรว” หรือ “อ่าวเปรว” ที่แปลว่าป่าช้า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่งดเว้นการสัญจรในยามราตรีแม้แต่ในวันที่พังงารุ่งเรื่องด้วยการทำแร่ มีการขุดหาแร่ตลอดแนวทะเล เหมืองแร่ก็ไม่สามารถกล้ำกลายพื้นที่แห่งนี้ได้ ความลี้ลับของป่าช้าแห่งนี้ได้คลายลงด้วยแสงแห่งธรรมที่เริ่มจากมีพระภิกษุเข้ามาจำพรรษาและตั้งเป็นสำนักสงฆ์และทิ้งร้างไปช่วงเวลาหนึ่งจนในปี พ.ศ. 2546 “พระอาจารย์วินัย รัตนวณฺโณ” หนึ่งในศิษย์ที่ได้อยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย ได้มาจำพรรษาและพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้กลายเป็น“วัดเทสก์ธรรมนาวา”โดยได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดในพระพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553 อุโบสถไม้สัก ริมทะเล ที่ว่ากันว่าเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย สิ่งก่อสร้างสำคัญของวัดแห่งนี้คืออุโบสถไม้สัก ริมทะเล ที่ว่ากันว่าเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย อุโบสถหลังนี้ภายนอกจำลอง แบบมาจาก พระอุโบสถพระอรัญวาสี อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย โดยประยุกต์สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ภายนอกโดดเด่นด้วยซุ้มประตูและบานหน้าต่างที่แกะสลักอย่างอ่อนช้อยจากช่างอยุทธยา ส่วนช่อฟ้า เครื่องหลังคาแกะสลักจากช่างฝีมือชาวเชียงใหม่ มีกำแพงแก้วจากไม้และใบเสมาหินสลักภาพพระพุทธเจ้าในอิริยาบถต่าง ๆ ตรงบันไดทางเข้าโบสถ์ ประดับเสาอโศกสีทองอร่ามและเสาไม้ยอดดอกบัวข้างหนึ่งสูงข้างหนึ่งต่ำทิ้งไว้เป็นปริศนาธรรมแก่ผู้มาเยือน บรรยากาศทำให้รู้สึกว่าเรากำลังเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ซึ่งกำลังแสดงธรรมโปรดสรรพสัตว์ เมื่อเข้าสู่ภายในจะต้องเดินผ่านทวารบาล หรือ เซียวกาง ทั้งจีนและไทย ผนังเป็นฝาปะกนตามแบบเรื่อนไทยโบราณ ตรงกลางเป็นแท่นพระพระธานปางปฐมเทศนา แกะสลักจาก หินหยกขาว จำลองแบบศิลปะอินเดีย พร้อมพระพุทธรูปปางต่าง ๆ บรรยากาศทำให้รู้สึกว่าเรากำลังเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ซึ่งกำลังแสดงธรรมโปรดสรรพสัตว์รวมถึงผู้มาเยื่อน ซึ่งธรรมะที่ถูกเน้นย้ำเป็นพิเศษสำหรับอุโบสถหลังนี้คือเรื่องราวของ ปรมัตถบารมี 10 หรือที่รู้จักกันในเรื่อง “พระเจ้าสิบชาติ” ซึ่งเป็นเรื่องราวอดีตชาติของพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีชั้นสูง 10 สถาน ใน 10 ชาติสุดท้าย สามารถท่องเป็นคาถาย่อได้ 10 คำ ว่า “ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว” ซึ่งถูกสลักไว้อย่าอ่อนช้อย ประณีตบนบานหน้าต่างจำนวน 10 บานที่ให้เราได้เดินขบคิดปริศนาธรรมพร้อมกับการชมความงามของทะเล เดินออกมาจากอุโบสถ ก็จะพบกับทิวสนร่มรื่น หาดทรายและทะเลสีคราม โดยทุก ๆ ปี ชาดหาดแห่งนี้จะมีเต่าทะเลมาวางไข่ ถือเป็นภาพที่เห็นได้ไม่ง่ายสำหรับชายหาดในเมืองท่องเที่ยวในปัจจุบัน วัดท่าไทรจึงกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่หากได้มาแล้วทุกคนจะทั้งอิ่มทั้งตา อิ่มทั้งใจ เป็นการเที่ยวทะเลมิติใหม่ที่น่าสนใจ ทิ้งท้ายไว้เล็กน้อยสำหรับใครที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศของวัดแห่งนี้ อย่าลืมเตรียมตัวในเรื่องของการแต่งกายให้เหมาะสมกับศาสนสถาน เคารพในสถานที่และอย่าลืมปรับนาฬิกาชีวิตให้ช้าลง มองปริศนาธรรมที่ซ่อนอยู่ในลวดลายประดับของอุโบสถแห่งนี้พร้อมเสพบรรยากาศกลิ่นอายทะเล เชื่อว่าทุกคนจะได้อะไรดี ๆ ติดตา ติดใจกลับไปแน่นอน วัดท่าไทร หรือ วัดเทสก์ธรรมนาวา หรือ ตั้งอยู่ที่บ้านท่าแตง ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เป็นวัดริมทะเล เดินทางโดยใช้ถนนเส้นทางเลียบทะเล เขาปิหลาย - นาใต้ - ท้ายเหมือง (ทางหลวงชนบทพังงาที่ 3006 ต่อ 2013) ปักหมุดตามลิงค์นี้เลย https://goo.gl/maps/QnzUFQohFro6hLGz5 ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ “วัดเทสก์ธรรมนาวา” (วัดท่าไทร) : โดย พระอาจารย์วินัย รัตนวณฺโณ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพพระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ “หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี” (ภาพจากลานธรรมจักร) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=42782