" ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุผชาติล้วนงามตา นามลำค่านครพิงค์ " สวัสดีชาวทรูไอดีอินเทรนทุกท่านครับ คำขวัญที่ท่านเห็นอยู่นี้ เป็นคำขวัญของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งวันนี้ผู้เขียนจะพาไปรู้จักประวัติของวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เพราะฉนั้นเเล้วท่านผู้อ่านอยากจะทราบเรื่องเล่าประวัติศาสตรมีความเป็นมาอย่างไรบ้าง มีตำนานมีการก่อสร้างปูชนียสถานปูชนียวัตถุที่มีความเกี่ยวข้องกับวัดนี้อย่างไร เพราะฉนั้นเเล้วท่านผู้อ่านไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะผู้เขียนจะพาไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ตลอดจนถึงเล่าเกี่ยวกับประวัติเบื้องต้น เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รู้ถึงประวัติศาตร์ล้านนา ความเป็นมาของวัดเจดีย์หลวงแห่งนี้ เราไปชมพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับวัดเจดีย์หลวง ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญอีกวัดหนึ่งในทางประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานอย่าง พระวิหารหลวงปู่มั่นหลังนี้ เป็นวิหารที่ประดิษฐานรูปปั้นรูปเหมือน ตลอดจนถึงอัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตซึ่งสร้างขึ้นโดยแบบศิลปกรรมล้านนาประยุค ด้านหน้าวิหารประดับไปด้วยลวดลายที่งดงามโดยการปั้นและประดับไปด้วยแก้วมณีต่าง ๆ ตลอดจนถึงความงดงามในเรื่องของการเเกะสลักไม้ของพระวิหารหลังนี้ครับ เพราะฉนั้นแล้วสถานที่เเห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญที่ผู้คนเดินทางมายังวัดเจดีย์หลวงแล้ว ก็จะต้องเข้ามากราบไหว้บูชา เพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิต และพระวิหารแห่งนี้ ยังเป็นสถานที่เก็บอัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เดิมนั้นในอดีตหลวงปู่มั่นเคยมาจำพรรษา และเป็นเจ้าอาวาสอยู่ยังวัดเจดีย์หลวงแห่งนี้ครับ ฉนั้นแล้วทางวัดได้รำลึกนึกถึงคุณงามความดีของหลวงปู่มั่น ที่เคยสร้างไว้กับเมืองเชียงใหม่เเละวัดเจดีย์หลวงแห่งนี้ จึงได้สร้างพระวิหารแบบล้านนาเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงคุนงามความดีของหลวงปู่มั่น แล้วก็ปฏิบัติตามศิลธรรมกรรมฐานของหลวงปู่มั่น ผู้เขียนอยากจะเเนะนำให้นักท่องเที่ยวหรือเหล่านักเเสวงบุญทั้งหลายได้มาเที่ยวเเวะเวียนชมความวดงามแห่งสถาปัตยกรรมแบบล้านนาของที่นี่กันเยอะ ๆ ครับ เพราะบรรยากาศรอบ ๆ วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้มีความร่มรื่นเย็นสบายและยังเงียบสงบอีกด้วยล่ะครับวัดเจดีย์หลวงแห่งนี้ได้สร้างขึ้นในสมัยของพระยา กือนา ซึ่งก็มีอายุได้หลายร้อยปีแล้วล่ะครับ เดิมทีชื่อวัดชื่อว่าวัดโชติการามซึ่งแปลตามรากศัพท์ก็แปลว่า วัดที่มีความงดงามสว่างไสว เจดีย์ในภาพที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นพระธาตุเจดีย์ที่ได้สร้างขึ้นในยุคสมัยของ พระเจ้าเเสนเมืองมา ซึ่งพระองค์ทรงสร้างขึ้นเพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศลแด่พระราชบิดาของพระองค์นั่นก็คือ พระยากือนา แต่ว่าการก่อสร้างยังไม่ทันเเล้วเสร็จ เพราะว่าพระองค์ทรงสวรรคตก่อน หลังจากนั้นพระราชเทวีของพระองค์ก็ได้ถือสร้างตามเจตนารมณ์ของพระเจ้าเเสนเมืองมา จนสำเร็จเสร็จสิ้น และในยุคของ พระเจ้าสามฝั่งแกน หลังจากนั้นมาก็มีการบูรณะก่อสร้างเกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมาถึงยุคพระยาติโลกราช ก็ได้ขยายพระธาตุเจดีย์องค์นี้ให้ใหญ่ขึ้นจนถึงปัจจุบันซึ่งมีความกว้าง ๖๐ เมตรแต่ละด้านจะมีรูปทรง ๔ เหลี่ยมจัตุรัส และก็ในยุคของ พระนางเจ้าจิรประภาเทวี หรือว่าเป็นกษัตริย์องค์ที่ ๑๕ ของราชวงค์ มังลาย ซึ่งในช่วงนั้นมีพายุฝนตกหนัก และมีแผ่นดินไหวทำให้พระธาตุยอดเจ้าเจดีย์นั้น หักโค่นลงเหลือเพียงครึ่งเดียวเหมือนที่เราเห็นดังปัจจุบัน และวัดก็ถูกทิ้งร้างมา ๔ กว่าทศวรรษ หรือประมาณ ๔๐๐ กว่าปีเเล้วล่ะครับ แล้วต่อจากนั้นก็มีกรมศิลปกรก็ได้เข้ามาทำการบูรณะให้มีความเเข็งเเรงและมีความงดงามในช่วงปีพุทธศักราช ๒๕๓๕ จนถึงปัจจุบันนี้พระธาตุเจ้าเจดีย์หลวงยังมีให้เห็นเพียงแต่ครึ่งองค์เท่านั้น แต่ว่าก็ยังมีให้เห็นแห่งความงดงามและความศรัทธาเลื่อมใส ของพระมหากษัตริย์ในอดีต มาจนถึงปัจจุบันเลยล่ะครับเป็นไงกันบ้างครับกับประวัติเบื้องต้น ของวัดเจดีย์หลวงแห่งนี้ ถ้าจะให้เล่าจริง ๆ คงจะยาวกว่านี้เเน่เลยครับ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากจะไปกราบไหว้ หรือเที่ยวชมความงดงามของสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าของที่นี่ ให้นักท่องเที่ยวเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ ๓ กษัตริย์ ให้ไปตามถนนพระปกเกล้า มุ่งเข้าสู่เมืองประมาณ ๕๐ เมตรจะเจอ ๔ เเยกไฟแดงให้ตรงไปประมาณ ๕๐ เมตร วัดจะอยู่ทางขวามือครับ ขอให้มีความสุขตลอดการเดินทางครับรูปภาพโดยผู้เขียน