The Theory of Everything (James Marsh, 2014) The Theory of Everything เป็นหนังแนวชีวประวัติ - โรแมนติค ที่พูดถึงชีวิตของ Stephen Hawking นักคิด และนักฟิสิกส์ที่น่าจะมีชื่อเสียงที่สุดในปัจจุบัน ทุกคนน่าจะเคยเห็นภาพของสตีเฟนที่นั่งรถเข็น และไม่สามารถพูดได้ หนังเรื่องนี้จะพูดถึงชีวิตของเขาตั้งแต่สตีเฟนได้พบกับ Jane Wilde ภรรยาคนแรกของเขา โดนเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของสตีเฟนและเจน โดนมองผ่านสายตาของเจนเป็นหลักตัวหนังได้ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือ Travelling to Infinity: My Life with Stephen บันทึกของเจนตัวจริง ที่พูดถึงชีวิตที่ต้องอยู่กับสตีเฟน และความผิดปกติทางร่างกายของเขา ซึ่งนำไปสู่การหย่าร้างในที่สุดตัวหนังได้ Eddie Redmayne นักแสดงสายรางวัลที่แสดงฝีมือมาแล้วมากมาย ที่เราได้เห็นผลงานของเขามาแล้วใน The Danish Girl มารับบทเป็นสตีเฟน ฮอว์คกิน และได้ Felicity Jones จาก Rogue One: A Star Wars Story มารับบทเจน ไวล์ด ตัวหนังเริ่มต้นตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นนักศึกษาในฮาร์วาร์ด โดยสตีเฟนนั้นศึกษาด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ในขณะที่เจนศึกษาวรรณคดีทั้งคู่เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ไปพร้อม ๆ กับสตีเฟนที่กำลังค้นหาหัวข้อวิทยานิพนธ์ของเขา แต่ในตอนที่ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี สตีเฟนก็พบกับอาการป่วยทางประสาทที่หาได้ยาก ที่อาจนำไปสู้ความพิการ หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้สตีเฟนและเจน ไม่ได้ยอมแพ้ต่อโรคร้ายนี้ ทั้งคู่ตัดสินใจสานต่อความสัมพันธ์จนแต่งงานและมีลูกสาวคนแรก ในขณะที่อาการของสตีเฟนแย่ลงเรื่อย ๆ ตัวสตีเฟนเองก็ได้สร้างทฤษฎีที่เปลี่ยนวงการฟิสิกส์ดาราศาสตร์อย่างใหญ่หลวง อย่างเช่นทฤษฎีเกี่ยวกับหลุมดำ ที่ถูกพูดถึงและนำไปต่อยอดอย่างกว้างขวาง และได้เขียนหนังสือวิทยาศาสตร์ที่ได้ชื่อว่าอ่านง่าย และขายดีที่สุดอย่าง A Brief History of Time (ประวัติย่อของกาลเวลา)ในมุมของสตีเฟน เขาอาจเหมือนคนโชคดีที่ถึงแม้จะมีปัญหาทางสุขภาพ แต่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ และภรรยาที่เข้าใจ แต่ในมุมของเจนแล้ว เธอต้องยากลำบากในการดูแลลูกๆ และสามีที่พิการ โดยไม่เคยได้รับคำชม ในขณะที่สตีเฟนนั้นอยู่ใต้แสงไฟมาโดยตลอดต้องชื่มชมนักแสดง โดยเฉพาะเอ็ดดี้ เรดเมน ที่แสดงได้เหมือนสตีเฟนตัวจริงมาก ๆ ตัวบทเองก็ทำได้สนุกสำหรับหนังชีวประวัติทำให้คนดูได้รับข้อมูลค่อนข้างครบถ้วน ไม่น่าเบื่อ ทำให้เรายิ้มไปกับมุมน่ารัก ๆ และอาจทำให้บางคนเสียน้ำตาในบางฉากได้ การรันตีคุณภาพด้วยรางวัลลูกโลกทองคำถึง 2 สาขาในสาขานักแสดงนำชาย (เอ็ดดี้ เรดเมน) และ บทภาพยนต์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมโดยสรุปแล้ว The Theory of Everything เป็นหนังที่ชีวประวัติที่น่ารัก แถมได้รู้จักชีวิตของนักฟิสิกส์ที่ดังที่สุดในยุคอย่างสตีเฟน ฮอว์กิน เป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ ขอบคุณภาพประกอบจาก Facebook Official The Theory of Everything Movieภาพปก FB ภาพ1 FB1 ภาพ2 FB2 ภาพ3 FB3 ภาพ4 FB4