..." สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่านการออมเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญทางการเงินที่ทุกคนควรให้ความสนใจ การออมไม่เพียงเป็นการเก็บสะสมเงินไว้เท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการที่ต้องมีการวางแผนและการบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการออมเป็นกระบวนการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเงินหรือทรัพย์สินเพื่อใช้ในอนาคตหรือในกรณีฉุกเฉิน และจุดเริ่มต้นของการออมจะเป็นฐานในการสร้างสุขภาพทางการเงินที่เข้มแข็งและมั่นคงขึ้น ในโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เราต้องมีการวางแผนการออมเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่งและปกป้องตนเองจากภัยคุกคามทางการเงิน การตั้งเป้าหมายในการออมจึงเป็นการวางแผนที่สำคัญที่จะช่วยให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเงินของเรา จะช่วยให้เรามีการเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉินต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ และยังช่วยให้เรามีโอกาสสร้างสรรค์และพัฒนาการบริหารเงินของเราในอนาคตได้อีกด้วย ในบทความนี้จะพาผู้อ่านไปดูขั้นตอนเริ่มแรกที่เราจะต้องวางแผนเพื่อให้การออมเงินของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราไปดูกันเลยค่ะ "...ขั้นตอนที่ 1 : กำหนดวัตถุประสงค์การออมเงิน..." เราต้องกำหนดเป้าหมายการออมเงินให้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ออมเพื่อการศึกษา: คือการเก็บเงินเพื่อใช้ในการศึกษาต่อ เช่น การเรียนปริญญาตรีหรือปริญญาโท, ออมสำหรับซื้อที่อยู่: คือการเก็บเงินเพื่อมีทุนเริ่มต้นในการซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัย, ออมสำหรับการลงทุน: คือการนำเงินที่ออมมาลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต เช่น การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น, ออมเพื่อการเกษียณ: สร้างเงินออมเพื่อใช้ในช่วงเวลาเกษียณ เพื่อให้มีความสะดวกและมีความมั่งคั่งในวัยที่ต้องการ, ออมเงินสำหรับการดูแลสุขภาพ: ตั้งเป้าหมายเก็บเงินเพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพหรือการรักษาทางการแพทย์, ออมสำหรับการเดินทาง: เพื่อการเดินทางหรือความสนุกสนานและการพักผ่อน เช่น การเที่ยวประจำปีหรือการเดินทางไปท่องเที่ยว, ออมเงินเพื่อธุรกิจ: สะสมทุนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองหรือการลงทุนในโครงการธุรกิจต่างๆ เป็นต้น ซึ่งวัตถุประสงค์เหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน ว่าเราต้องการออมเงินเพื่ออะไร ดังนั้นการออมเป็นหนึ่งในพฤติกรรมการเงินที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันของเราทุกคน การสะสมเงินเพื่อเตรียมพร้อมกับความไม่แน่นอนในอนาคต หรือเพื่อมีเงินทุนสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินและเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆที่เราจะละเลยไม่ได้เลยนะคะ "...ขั้นตอนที่ 2 : วางแผนงบประมาณการออมเงิน..." การวางแผนงบประมาณรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนหรือในแต่ละวันก็เป็นสิ่งที่สำคัญนะคะเพราะจะทำให้เราทราบว่าเงินไหนเข้ามาและเงินไหนออกไปบ้างซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนการออมได้ตรงจุด ยกตัวอย่างเช่น บันทึกรายได้และรายจ่าย: เริ่มต้นด้วยการบันทึกทุกรายได้และรายจ่ายที่เรามี เพื่อให้เราได้ทราบรายได้และรายจ่ายทั้งหมด, กำหนดลักษณะรายจ่าย: แบ่งรายจ่ายเป็นกลุ่ม เช่น ค่าเช่า, อาหาร, ขนส่ง, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าน้ำมันรถ, ค่าผ่อนต่างๆ เพื่อให้เราเข้าใจถึงการใช้จ่ายที่มีและแยกแยะรายจ่ายที่จำเป็นและค่าใช้จ่ายที่เป็นพิเศษ เป็นต้น, กำหนดงบประมาณ: กำหนดยอดรวมที่ควรใช้ได้ในแต่ละรายจ่าย และปรับปรุงเพื่อให้มีความเป็นไปได้, รักษาระดับการออม: กำหนดจำนวนเงินที่ต้องออมเก็บไว้ทุกเดือน, ติดตามและปรับปรุง: ตรวจสอบแผนรายจ่ายของคุณอย่างสม่ำเสมอและปรับปรุงตามสถานการณ์, ใช้เทคโนโลยี: ใช้แอปพลิเคชันหรือเครื่องมือออนไลน์เพื่อช่วยในการบันทึกรายการรายจ่ายและติดตามผล, ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากเราต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้ค้นหาจากรีวิวทางอินเทอร์เน็ต, ผู้มีประสบการณ์ หรือคำแนะนำจากที่ปรึกษาการเงิน เป็นต้น ดังนั้นการทำงบประมาณเพื่อระบุรายรับและรายจ่ายทุกเดือนจะทำให้เราติดตามการใช้จ่ายทั้งหมดของเราและพยายามปรับปรุงเพื่อให้เราสามารถออมเงินได้มากขึ้น "...ขั้นตอนที่ 3 : กำหนดระยะเวลาการออมเงิน..." ระยะเวลาการออมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และประสบการณ์การลงทุนของเรา โดยทั่วไปการออมที่ยาวนานมักจะช่วยเพิ่มมูลค่าเงินในอนาคตมากขึ้น เราจึงต้องเลือกวางแผนที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของเราเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมและสามารถกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการออมในระยะเวลาที่กำหนดได้เพื่อแบ่งเป้าหมายออมเงินเป็นระยะสั้น กลาง และยาว ตามความต้องการของเรา ต่อไปนี้ผู้เขียนขอยกตัวอย่างเช่น ออมระยะสั้น: คือเราออมเงินทุกเดือนเพื่อซื้อของที่ต้องการในอนาคต เช่น โทรศัพท์มือถือใหม่ ในระยะเวลา 6 เดือน, ระยะกลาง: คือเราออมเพื่อท่องเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศ ภายในระยะเวลา 1-2 ปี, ระยะยาว: คือเราออมเพื่อการศึกษาของลูกหลาน ภายในระยะเวลา 10 ปีหรือมากกว่า, การเตรียมเกษียณ: คือเราออมเพื่อการเตรียมเกษียณ ในระยะเวลา 20-30 ปี, หรือจะเป็นการออมแบบรายเดือน: คือการออมทุนหรือเงินเดือนบางส่วน เช่น 10-20% ของรายได้ทุกเดือน, ออมแบบรายปี: คือเราตั้งเป้าหมายทางการเงินสำหรับปีนึง เช่น เพื่อซื้อบ้านใหม่, การลงทุน, หรือการปรับปรุงบุคลิกภาพ, การออมเงินแบบ 5 ปี: สำหรับวัตถุประสงค์ยาวนาน เช่น การเตรียมเงินเลี้ยงชีพ, การศึกษาต่อ, หรือการลงทุนในธุรกิจ, การออมเงินแบบ 10 ปีขึ้นไป: สำหรับวัตถุประสงค์ที่ต้องการเวลานาน เช่น การเตรียมเงินเกษียณ, การสร้างทุนในการลงทุนยาวนาน เป็นต้น ทังนี้การกำหนดระยะเวลาการออมจะช่วยให้เรามีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและสามารถวางแผนการเงินได้ถูกต้องนะคะ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการตั้งเป้าหมายระยะเวลาในการออมเป็นเรื่องส่วนบุคคล ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละคนด้วยนะคะ "...ขั้นตอนที่ 4 : เลือกวิธีการออมเงินที่เหมาะสม..." การออมเงินเป็นแนวทางที่สำคัญที่จะช่วยบรรเทาภาระทางการเงินและเตรียมพร้อมในเรื่องการลงทุนในอนาคตของเราได้ วิธีการออมมีหลากหลายวิธี การเลือกวิธีที่เหมาะสมต้องพิจารณาถึงความต้องการและวัตถุประสงค์ของแต่ละคน ทั้งนี้การออมไม่เพียงแต่เป็นการลดภาระทางการเงินแล้วแต่ยังเป็นการสร้างทรัพย์สินและความมั่งคั่งในอนาคตได้อีกด้วย ดังนั้นรายได้และรายจ่ายจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญเพื่อประเมินสภาพการเงินของเราในปัจจุบัน และกำหนดว่าเป้าหมายในการออมเงินคืออะไร หลายคนอาจพบว่าการออมเงินผ่านการฝากเงินในธนาคารเป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัย ในขณะที่คนอื่นๆอาจมองหาวิธีการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง การเลือกวิธีออมเงินที่เหมาะสมต้องพิจารณาถึงระยะเวลาและระดับความเสี่ยงที่พร้อมยอมรับด้วย ยกตัวอย่างเช่น เลือกบัญชีออมที่เหมาะสม เช่น เงินสด, เงินฝาก, โดยเลือกบัญชีออมที่มีดอกเบี้ยสูงและไม่มีค่าธรรมเนียม หรือจะเป็นการลงทุนในรูปแบบของการออมคือการซื้อสินทรัพย์เก็บสะสมไปเรื่อยๆ เช่น ออมทอง ออมหุ้น ซึ่งเป็นการออมในรูปแบบของการลงทุนในระยะยาว หรือซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็นต้น ดังนั้นเราควรเลือกการออมเงินที่เหมาะสมกับเรานะคะ โดยให้คำนึงถึงความสะดวกและความจำเป็น รวมทั้งให้เหมาะสมกับรายได้และรายจ่ายในชีวิตประจำวันด้วยนะคะเพื่อการออมเงินของเราจะได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นน๊า "......" เป็นอย่างไรกันบ้างคะก่อนที่เราจะเข้าสู่การออมเงินนั้นเราต้องวางแผนและมีเป้าหมายในการออมเงินให้ชัดเจนก่อน และสิ่งที่สำคัญมากก็คือวินัยที่เราต้องมีอย่างสม่ำเสมอด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะออมเงินจำนวนนั้นไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตาม ทั้งนี้เราควรแบ่งเงินออมออกมาประมาณ 10-20% ของรายได้ หรืออาจจะมากกว่านี้ก็ได้นะคะซึ่งจะขึ้นอยู่กับกำลังทางการเงินของแต่ละคนด้วย เรานำเงินส่วนนั้นมาแบ่งแล้วเก็บสะสมไว้เพื่อเป็นเงินสำรองในยามฉุกเฉินหรือเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าก็ได้ อีกทั้งเงินที่ออมสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนทางการเงินได้อีกด้วย ทั้งนี้การออมจะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน ช่วยให้เรารับมือกับสถานการณ์ทางการเงินได้ดีและช่วยเสริมสร้างวินัยในการจัดการเงินได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นการเรียนรู้วิธีการออมเงินและวางแผนการเงินจึงช่วยให้เรามีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการใช้จ่ายและการลงทุนนะคะ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย พบกันใหม่ในบทความหน้าสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ "... เครดิต1. ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมดโดย Masukaza (เจ้าของบทความ)2. ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมดออกแบบโดย Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !