"วาล์วไอดีไอเสีย" คำนี้เชื่อว่าผู้ใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์หลายท่าน คงไม่ค่อยที่จะคุ้นหูหรือได้ยินกันบ่อยนักกับคำว่า "วาล์วไอดีไอเสีย" แต่ถ้าหากว่าวันใดวันหนึ่งที่รถคู่ใจของท่าน เกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมา และมีอาการหนักจนถึงขั้นที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัด หรือเรียกว่า"ผ่าเครื่อง" นั่นเอง ส่วนมากเรามักจะได้ยินช่างหรือคนที่พอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกนิดหน่อย บอกมาทันทีว่า "แหวนลูกสูบไปแล้ว" หรือ "ลูกสูบหลวมแล้ว" แต่น้อยนักน้อยหนาที่จะมีคนพูดขึ้นมาว่า "วาล์วรั่ว" หรือ "วาล์วไอดีไอเสียรั่ว" บทความนี้จะพาท่านมาทำความรู้จักกับ วาล์วไอดีไอเสีย ว่ามันมีความสำคัญยังไงขนาดไหนจากภาพด้านบน IN คือตำแหน่งวาล์วไอดี และจะมีขนาดใหญ่กว่าวาล์วไอเสีย ส่วน Ex คือตำแหน่งวาล์วไอเสีย และแน่นอนว่ามันมีขนาดเล็กกว่าวาล์วไอดีแน่นอน ส่วนขนาดที่ต่างกันของวาล์วแต่ละตัวมีความสำคัญยังไง ทำไมถึงมีขนาดที่ต่างกัน อันนี้จะไม่ขอกล่าวถึงนะครับเพราะเนื้อหาจะลึกเกินไปและยาวไป เดี๋ยวผู้อ่านจะงงไปกันใหญ่ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ เมื่อเรารู้แล้วว่าวาล์วอยู่ตำแหน่งไหน หน้าตาเป็นยังไงแล้ว เรามาทำความเข้าใจกันเลยว่า วาล์วรั่ว มันเป็นยังไง วาล์วรั่วคืออาการที่วาล์วปิดไม่สนิทเมื่อถึงจังหวะที่กระเดื่องกดวาล์วปล่อยออกจากก้านวาล์ว เพื่อให้เกิดแรงอัดในห้องเผาไหม้ แล้วดันลูกสูบกลับลงไปในห้องเครื่องเพื่อให้กระบวนการทำงานของเครื่องครบรอบและวนไปเรื่อยๆ แบบนี้ จากภาพด้านบน จะสังเกตเห็นคราบเขม่าเกาะติดที่วาล์วทั้ง 2 ตัว และบริเวณห้องเผาไหม้รอบๆ วาล์ว หรือฝาสูบนั่นเอง นี่แหล่ะตัวการสำคัญที่ทำให้วาล์วทั้ง 2 รั่วได้ เพราะเขม่าที่เกาะเยอะขึ้นเรื่อยๆ จะเข้าไปเกาะที่บ่าวาล์วทำให้เป็นรอยเล็กๆ จากการกดทับของวาล์วกับบ่าวาล์ว จนในที่สุดเกิดเป็นรอยรั่ว ทำให้กำลังอัดในห้องเผาไหมรั่วออกไป จากภาพด้านบนจะเห็นเขม่าเกาะที่เขี้ยวหัวเทียนจุดระเบิดเยอะมาก เป็นอีกหนึ่งจุดสังเกตหากรถท่านใด มีอาการหัวเทียนบอดบ่อยๆ มีเขม่าจับที่เขี้ยวหัวเทียนแบบนี้ อย่าปล่อยไว้นานครับรีบนำรถของท่านเข้าตรวจเช็คด่วนเลย หวังว่าท่านผู้อ่านที่ได้อ่านบทความนี้แล้วจะพอเข้าใจได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ผู้เขียนพยายามที่จะไม่เข้ารายละเอียดลึกๆ เพราะเกรงว่าผู้อ่านจะงงมากกว่าที่จะได้รับข้อมูล โดยส่วนมากแล้วอาการวาล์วรั่วจะต้องเกิดขึ้นกับรถที่มีอายุใช้งานมากกว่า 7 ปี แต่ไม่เสมอไปครับ การเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ได้มาตรฐานก็เป็นอีกหนึ่ง สาเหตุครับ รวมไปถึงการไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามอายุการใช้งานก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุเช่นกัน อย่าลืมดูแลรถของท่านด้วยนะครับ ภาพถ่ายโดยนักเขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !