คนพันธุ์ : เรื่องสั้นเพื่อชีวิตสะกิดสังคม หากกล่าวถึงวรรณกรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราว ชีวิตผู้คนในชนบทอีสาน ที่ต่อสู้กับธรรมชาติและการเอารัดเอาเปรียบจากชนชั้นปกครอง ในทำนองของการร้องทุกข์ คำสิงห์ ศรีนอก ในนามปากกา ลาว คำหอม ถือเป็นกระบอกเสียงอันทรงพลังที่นำเสนอแนวคิด ทัศนะ และมุมมองต่อสังคมผ่านกลวิธีการเขียนที่แยบยล ดังได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ผ่านบทความ นวนิยาย เรื่องสั้นมากมาย ผลงานของ คำสิงห์ ศรีนอก จึงเป็นที่นิยมครองใจนักอ่าน จนได้รับการยกย่องให้เป็นนักเขียนเรื่องสั้นดีเด่นในรอบ ๑๐๐ ปี เรื่องสั้นไทย จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ด้วยชั้นเชิงความสามารถทางวรรณศิลป์อันโดดเด่น ยังทำให้ได้รับการคัดเลือกให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี ๒๕๓๕ และผลงานที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศกว่า ๙ ภาษา นั่นก็คือรวมเรื่องสั้น “ฟ้าบ่กั้น” นั่นเอง “คนพันธุ์” หนึ่งในสิบเจ็ดเรื่องสั้นในหนังสือ “ฟ้าบ่กั้น” เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกของ ลาว คำหอม ที่ลงในหนังสือพิมพ์ปิยมิตร ถือเป็นเรื่องสั้นที่ทำให้ ลาว คำหอม ได้แจ้งเกิดเป็นนักประพันธ์อย่างงดงาม ด้วยชื่อเรื่องที่สะดุดหูสะดุดตาของผู้อ่าน มีการใช้คำที่ผู้อ่านเข้าใจความหมายได้ง่าย ซึ่งปกติแล้วเราจะเคยได้ยินคำว่า ไก่พันธุ์ หมูพันธุ์ หรือวัวพันธุ์ ที่แสดงให้เห็นว่าสัตว์ต่าง ๆ ที่มีคำว่า “พันธุ์” มาต่อท้าย หมายถึง สัตว์ที่มีสายพันธุ์ดี มี ความสมบูรณ์ ตัวใหญ่ เหมาะแก่การนำมาเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์นั่นเอง เช่นเดียวกับชื่อเรื่อง “คนพันธ์” ที่นำคำว่า คน กับคำว่า พันธุ์ มาต่อกัน ทำให้เป็นชื่อเรื่องสั้นที่สามารถดึงดูดใจ ชี้ชวนให้ผู้อ่านติดตามเรื่องราวของเรื่องสั้นเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าเรื่องราวนั้นจะดำเนินไปอย่างไร ในเรื่อง “คนพันธุ์” นั้นได้กล่าวถึง หญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในชนบท ลูก ๆ ของนางต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง เหลือเพียงนางและสามี สามีของนางเป็นคนดี ทางอำเภอจึงได้มอบถ้วยรางวัลให้ พร้อมกับลูกไก่พันธุ์ที่มาจากอเมริกา จากนั้นทางอำเภอก็ได้นำหมูพันธุ์ เข้ามาเพื่อใช้เป็นพ่อพันธุ์ สามีของนางมักจะมาเล่าถึงความทันสมัยให้นางฟังอยู่เสมอ นางก็ได้แต่คิดตามและนึกภาพความเจริญที่จะเกิดขึ้น จนวันหนึ่งทางอำเภอได้นำวัวพันธุ์จากอเมริกาเข้ามา สามีของนางก็กลับมาเล่าให้นางฟังเช่นเคย สามีของนางได้พบกับคนอเมริกา นางสงสัยจึงถามสามีว่า เขาส่งคนอเมริกามาทำพันธุ์เหมือนวัวหรือ สามีตอบว่าน่าจะใช่ ทั้งสองได้แต่นึกสงสารสัตว์ในท้องถิ่นของตน และสงสารคนไทย ลาว คำหอม ได้สะท้อนภาพสังคม ความรู้สึกนึกคิดของคนในชนบทที่มีต่อรัฐบาล ผ่านเรื่อง “คนพันธุ์” ที่เสนอแนวคิดในมุมมองของคนชั้นล่าง ที่ทางรัฐบาลพยายามยัดเยียดความทันสมัยให้ แต่สิ่งที่ได้รับมานั้นอาจจะไม่เข้ากับบริบทสังคมของคนในชนบท รัฐบาลจึงควรปรับนโยบายให้สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่นด้วย เห็นได้จากตอนที่สามีของนางได้ไก่มาแล้วบอกว่า “ไก่นี้เมื่อโตเต็มที่ก็น้อง ๆ อีแร้งเทียวนะ ไก่ไทยเราท่านว่าเดี๋ยวนี้ไม่ทันสมัยเสียแล้ว ตัวเล็กราคาไม่ดี จึงต้องสั่งพ่อพันธุ์จากอเมริกา” นางฟังคำเหล่านั้นด้วยความวิตก เมื่อคิดว่าต่อไปนี้นางจะต้องมีไก่ตัวเท่าอีแร้ง นางหลับตา คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าบ้านของนางจะเป็นอย่างไรเมื่อมีฝูงไก่ตัวเท่าอีแร้งเดินเต็มใต้ถุน ถือเป็นการถ่ายทอดแนวคิดให้แฝงอยู่ในเรื่องสั้น “คนพันธุ์” ได้อย่างแยบยล การดำเนินเรื่องของ “คนพันธุ์” นั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย เริ่มจากการเปิดเรื่องด้วยการกล่าวถึงสภาพแวดล้อม วิถีชีวิตของหญิงผู้ที่อยู่กับสามีตามวิถีของคนชนบท และค่อยผูกปมปัญหาขึ้นด้วยการที่สามีของนางได้รับรางวัลและนำลูกไก่พันธุ์จากอเมริกากลับมาบ้าน และเหตุการณ์ทวีความน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทางอำเภอได้นำสัตว์ที่ตัวใหญ่ขึ้นเข้ามานั่นคือหมูพันธุ์และวัวพันธุ์ จนถึงจุดวิกฤตที่สามีของนางได้เห็นคนอเมริกาตัวเป็นๆ นางจึงนึกสงสัยว่าเขาส่งคนอเมริกามาทำอะไร จากนั้นผู้เขียนได้ปิดเรื่องด้วยบทสนทนาของทั้งสองที่ได้แต่นึกสงสารคนไทย เมื่ออ่านเรื่อง “คนพันธุ์” แล้วดูเหมือนเรื่องจะยังไม่จบบริบูรณ์ คล้ายกับว่าเป็นเพียงการปิดฉากของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นในประเด็นการปิดเรื่องจึงจัดเข้าอยู่ในหมวด Realistic ending หรือจบตามความเป็นจริงในชีวิต เพราะหญิงชนบทผู้นั้นก็ทำได้เพียงคิดแย้ง และวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงนโยบายของทางรัฐบาลได้ จะเห็นได้ว่าโครงเรื่อง “คนพันธุ์” นั้น ไม่ได้สลับซับซ้อนแต่ประการใด ทำให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวได้ง่าย มีการสร้างปมให้น่าติดตาม จึงถือเป็นเรื่องสั้นที่มีโครงเรื่องที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง ในเรื่อง “คนพันธุ์” มีตัวละครที่โดดเด่นและเป็นตัวแทนของสองฝ่ายระหว่างรัฐบาลกับชาวบ้าน ได้แก่ หญิงชนบท ผู้ที่ต้องทำเกษตรกรรม ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เพื่อเลี้ยงชีพตามวิถีของคนชนบท เป็นตัวแทนของชนชั้นล่าง ที่ได้แต่ตั้งแง่กับความทันสมัยที่ทางรัฐบาลได้หยิบยื่นให้ และตัวละครอีกตัวหนึ่ง คือ สามีของนาง ผู้ที่รับเอาความทันสมัยจากรัฐบาลมาสู่ชนบท โดยเห็นว่าสิ่งที่ทางการรับมาจากอเมริกานั้นเป็นสิ่งที่ดีงามไปเสียทั้งหมด จนลืมนึกถึงความเหมาะสมกับบริบทท้องถิ่นของตน จากการวิเคราะห์ตัวละครในเรื่องนี้ ทำให้เห็นว่าผู้แต่งได้สร้างตัวละครให้มีความสมจริงมากที่สุด เห็นได้จากการที่ตัวละครเอกคือหญิงชนบท ที่มีวิถีชีวิตแบบสามัญชนธรรมดาที่ทำมาหากินตามประสาเกษตรกร และสามีของนางผู้ที่คล้อยตามนโยบายของรัฐบาล และเห่อความทันสมัย ซึ่งในชีวิตจริงก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีลักษณะแบบหญิงชนบทและสามีของนาง ลาว คำหอม ได้ใช้กลวิธีในการเล่าเรื่อง “คนพันธุ์” โดยเรียงลำดับเหตุการณ์ตามเวลา คือ จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน โดยที่ผู้เขียนเป็นผู้เล่า แต่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวในมุมมองของหญิงชนบทที่มีต่อนโยบายความทันสมัยของรัฐบาล ทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้อย่างแจ่มแจ้ง นอกจากนี้ ลาว คำหอม ยังใช้กลวิธีด้านภาษาและโวหารได้เป็นอย่างดี โดยใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่มีคำที่ยากจนเกินไป มีการใช้คำซ้อน เช่น ‘นางชอบดูปีกแมลงภู่และตัวผึ้งที่โผผกจากดอกหนึ่งไปสู่อีกดอกหนึ่ง’ ‘คอยเฝ้าดูมันโตวันโตคืนด้วยหัวใจที่เป็นสุข’ ‘เมื่อทุกคนปีกกล้าขาแข็ง ต่างคนก็แยกตัวออกไป’ เป็นต้น มีการใช้โวหารต่าง ๆ เช่น อติพจน์ ‘นางร้องไห้จนหมดน้ำตา เสียใจจนไม่คิดว่าจะมีความเสียใจใด ๆ ในโลกจะเทียมเท่า’ ปฏิปุจฉา ‘ถ้าเช่นนั้นทำไมนายอำเภอจึงไม่ให้ถ้วยสำหรับใส่น้ำพริกแก่สามีนางเล่า’ สัทพจน์ ‘เสียงตอกลิ่มป๊อกป๊อกดังมาจากหลังบ้าน’ อุปมา ‘ตาแดงเหมือนตาอ้ายนาคของเราไม่มีผิด ผมแดงเป็นดอกหญ้าแฝก’ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าผู้เขียนใช้กลวิธีต่าง ๆ เหล่านี้ในการสร้างสรรค์ผลงาน จึงทำให้เกิดวรรณกรรม ที่มีวรรณศิลป์ที่งดงาม เรื่องสั้น “คนพันธุ์” นั้น ได้สะท้อนภาพสังคม ที่ประชาชนต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อำนาจนโยบายของรัฐบาล โดยไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลได้ ทำได้เพียงวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น ซึ่งสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันก็ยังคงเป็นแบบนั้น ประชาชนยังคงต้องทำตามนโยบายของรัฐบาลโดยไม่สามารถขัดแย้งหรือแม้กระทั่งจะแสดงทัศนคติที่ตรงข้ามได้เท่าไรนัก นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าประเทศเรานั้น ยังเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ก็มักจะรับวัฒนธรรมและค่านิยมต่าง ๆ ของประเทศที่พัฒนาแล้วเข้ามาใช้โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นตามมา จะเห็นได้ว่าเรื่องสั้น “คนพันธุ์” จากหนังสือ “ฟ้าบ่กั้น” ของ ลาว คำหอม มีความโดดเด่นทั้งการตั้งชื่อเรื่องที่แปลก ชักชวนให้ผู้อ่านสนใจอยากรู้เรื่องราวความเป็นไปของเรื่อง มีการนำเสนอแนวคิดสำคัญ ที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้ง ระหว่างนโยบายของรัฐบาล ที่ไม่เหมาะสมกับบริบทสังคม ในด้านกลวิธีการเล่าเรื่องนั้นผู้เขียนได้ถ่ายทอดเรื่องราวโดยที่ผู้เขียนเป็นผู้เล่า แต่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวในมุมมองของหญิงชนบทที่มีต่อนโยบายความทันสมัยของรัฐบาล ทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้เป็นอย่างดี ในด้านกลวิธีทางภาษาและโวหาร มีการเลือกสรรคำได้เหมาะสมสวยงามและเห็นภาพ มีการใช้โวหารหลากหลาย ที่มีประโยชน์ทั้งในด้านความงามและการสื่อความ อีกทั้งยังสะท้อนภาพสังคมในปัจจุบัน เสมือนว่าผู้อ่านกำลังส่องกระจกและมองเห็นภาพสิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยผ่านตัวหนังสือ กล่าวได้ว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้มีคุณค่าทั้งด้านเนื้อหา ด้านสังคม และวรรณศิลป์จึงเป็นเรื่องสั้นที่คนไทยทุกคนควรได้อ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต สั่งซื้อหนังสือได้ที่ >> ร้านนายอินทร์ ภาพประกอบโดยผู้เขียน : ภาพที่ 1 ขอบคุณภาพจาก pixabay.com : ภาพที่ 2 และ ภาพที่ 4ขอบคุณภาพจาก pexels.com : ภาพที่ 3 ขอบคุณภาพจาก iSSANDY : ภาพที่ 5