เชื่อหรือไม่ ว่าวิทยาศาสตร์ก็สามารถที่จะพิสูจน์สิ่งที่เรามองไม่เห็นได้ ซึ่งมันเป็นไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และในวันนีเเราก็จะมาพูดถึงสารที่มีชื่อว่า DMT กันนั่นเองครับ DMT หรือ N,N-dimethyltryptamine ถือเป็นสารหลอนประสาทตามธรรมชาติที่มีในตัวเราทุกคน สารนี้มีความสำคัญอย่างมากเพราะมันทำให้เรามีสติสัมปชัญญะอยู่นั่นเอง โดยที่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกยังถือว่า DMT เป็นสารเสพติดทั้งที่มันมีอยู่ในร่างกายเราทุกคนก็ตาม ซึ่งสารนี้เล่ากันมาว่ามีการใช้งานกันมากว่า 1000 ปีแล้ว ในงานวิจัยจากหลายแห่งกล่าวไว้ว่าคนในสมัย 1000 ปีก่อนใช้สารนี้เพื่อจะสื่อสารกับพระเจ้าโดยผู้คนที่ใช้สารนี้เราจะรู้จักกันในนาม Shaman (ชาแมน) ก่อนอื่นเรามาพูดถึง DMT ทางจิตวิญญาณกันก่อนดีกว่าครับ โดยตามตำนานความเชื่อโบราณสารนี้จะใช้ในพิธีกรรมโดย Shaman จะใช้เครื่องดื่มชาที่มีชื่อว่า ayahuasca (อยาฮวาสกา) ชาชนิดนี้ประกอบไปด้วยพืช 2 ชนิดขึ้นไปโดยจะมีพืชที่มีสาร DMT และพืชที่มีสารกระตุ้น เพราะถ้าเราใช้พืชที่มีสาร DMT อย่างเดียว ร่างกายกำจัดมันออกตามรูปแบบของระบบย่อยอาหารและขับถ่ายของเสียนั่นเอง เราจึงต้องใช้พืชที่มีสารกระตุ้นเพื่อให้ DMT นั้นทำงานอย่างเต็มที่ และหลังจาก Shaman ได้ดื่มชานี้ก็จะสามารถเชื่อมต่อจิตวิญญาณของตัวเองเข้ากับพระเจ้าตามความเชื่อโบราณได้ ซึ่งจะใช้เพื่อตอบคำถามหรือข้อสงสัยบางเรื่องที่เหนือธรรมชาติ บ้างก็ใช้เพื่อทำนายอนาคตที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง คราวนี้เรามาพูดถึง DMT ในด้านวิทยาศาสตร์กันบ้างดีกว่าครับ DMT หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ N,N-dimethyltryptamine นั้นเป็นสารที่พบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดรวมถึงพืชแทบทุกชนิดอีกด้วย โดยที่คนเราทุกคนจะมีสารนี้ในปริมาณที่พอเหมาะอยู่ในร่างกาย แต่ก็สามารถผลิตเพิ่มได้โดยมันจะผลิตในต่อมเล็กๆกลางสมองที่เรียกว่า Pineal gland (ต่อมไพเนียล) และในปอดอีกทั้งยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีผลเช่น ในช่วงที่เราฝันร่างกายจะหลั่งสาร DMT ออกมาเยอะกว่าปกติ หรือการเปิดคลื่นเสียงผ่อนคลายสมองและการใช้น้ำมันหอมระเหยก็สามารถทำให้ร่างกายผลิต DMT ได้เช่นกัน แต่ยังมีอีกวิธีที่สามารถผลิตสารนี้ได้อย่างยั่งยืนและเป็นที่นิยมนั่นคือการทำสมาธินั่นเอง มีงานวิจัยหลายชิ้นได้ออกมายืนยันจริงๆว่าผู้ที่ปฎิบัติสมาธิบ่อยๆมีสาร DMT อยู่ในร่างกายมากกว่าคนทั่วไปจริงๆ ซึ่งถ้าจะให้พูดเปรียบเทียบง่ายๆก็คงยกตัวอย่างเป็นพระพุทธเจ้านั่นแหละครับ ท่านทำสมาธิจนถึงขั้นการตรัสรู้ และการทำสมาธิของพระพุทธเจ้านั้นคือการผลิต DMT นั้นเอง จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า DMT คือสะสารที่ให้สิ่งที่คุณไม่อาจจะคาดคิดได้มันจึงได้อีกชื่อที่เรียกว่า สะสารแห่งจิตวิญญาณเรามาพูดถึงผลข้างเคียงอื่นๆที่ DMT กันดีกว่าครับ โดยทั้งหมดนี้รวบรวมข้อมูลมาจากทั้งผู้ที่ทำสมาธิและผู้ที่เสพสาร DMT เข้าร่างกายว่ากันว่าคุณจะได้เห็นสิ่งที่คุณไม่อาจคาดคิด บ้างก็ว่าคุณจะได้คุยกับจิตใต้สำนึกของตัวเอง บ้างก็ว่าคุณจะเข้าใจในเรื่องที่คุณไม่อาจเข้าใจได้เหมือนกับได้รับคำตอบจากสิ่งที่มองไม่เห็น ถ้าจะให้มากกว่านั้นก็คงจะเป็นการเข้าสู่ประสบการณ์ของ Ego Death (อีโก้เดธ) หรือการได้ละความเป็นตัวตนเก่าออกไปและได้ขัดเกลาบางอย่างในใจคุณ หรือมากกว่านั้นก็ถึงขั้นเปิดตาที่สามได้เลยทีเดียว เชื่อว่าตาที่สามจะทำให้คุณได้เข้าใจในทุกๆสิ่งทั้งทางโลกและทางธรรมที่เกิดขึ้นนั่นเองเครดิตภาพปกโดย Slonpic จาก Pixabay.com ขอขอบคุณภาพที่ 1 โดย Prettysleepy จาก Pixabay.comภาพที่ 2 โดย Geralt จาก Pixabay.comภาพที่ 3 Kellepics จาก Pixabay.comภาพที่ 4 โดย Activedia / Pixabay.comเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !