สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน หลายวันก่อนผู้เขียนมีโอกาสไปเดินทางไปเที่ยวที่สวนสามพราน จังหวัดนครปฐม มาค่ะ สวนสามพรานเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้เชิงเกษตรมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกทำท่ามกลางบรรยายกาศของสวนสวย ๆ ทั้งกิจกรรมการทำผ้ามัดย้อม การทำปุ๋ยชีวภาพ การเลี้ยงไส้เดือน การทำลูกประคบสมุนไพร การชาสมุนไพร การทำขนมไทยโบราณ เป็นต้น ซึ่งตัวผู้เขียนเองได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการทำขนมกล้วยปิ้งสูตรโบราณ รสชาติอร่อย หวานกำลังดีมาแชร์ให้ผู้อ่านทุกคนได้ลองไปทำกินกันที่บ้านค่ะ สำหรับใครที่ต้องการลองมาสัมผัสบรรยากาศสวนร่มรื่น และทำกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ที่สวนสามพราน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน กม. 32 ถนนเพชรเกษม อ.สามพราน จ.นครปฐม โทรศัพท์: +66 34 322 588-93 เวปไซต์ : www.suansampran.com เฟซบุ๊ค : www.facebook.com/SuanSampran.Thailand สำหรับสูตรและวิธีทำขนมกล้วยปิ้งสูตรโบราณ สามารถทำตามกันได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน : ฟางฟ่อน เครื่องปรุงและส่วนผสม กล้วยเล็บมือนางสุก หรือกล้วยชนิดอื่น 400 กรัม แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม น้ำตาลทรายแดง 90 กรัม เกลือ 1 ช้อนชา หัวกะทิ 200 กรัม มะพร้าวอ่อนขูด 200 กรัม ใบตอง ไม้กลัด ภาพถ่ายโดยผู้เขียน : ฟางฟ่อน วิธีทำ เริ่มจากปลอกเปลือกกล้วยออกให้หมด แล้วใช้ซ้อมบดกล้วยให้เละ ย้ำว่าให้เละนะคะ ไม่ให้เหลือเป็นก้อน ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม น้ำตาลทรายแดง และเกลือ ให้เข้ากับเนื้อกล้วยบดจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ค่อย ๆ รินหัวกะทิลงไปทีละน้อย จนกระทั่งหมด ส่วนผสมสุดท้ายคือเทเนื้อมะพร้าวอ่อนขูด ผสมให้เข้ากัน จากนั้นตักแบ่งส่วนผสมที่เข้ากันดีใส่บนใบตอง ใช้ไม้กลัดหัวท้ายใบตองเพื่อไม่ให้ไส้ทะลัก นำไปปิ้งบนไฟอ่อน ๆ จนกระทั่งส่วนผสมสุกได้ที่ เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมกล้วยสูตรโบราณไว้รับประทานกันแล้วค่ะ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน : ฟางฟ่อน คุณค่าทางอาหาร เนื่องจากวัตถุดิบหลักเป็นกล้วย ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่ากล้วยเป็นแหล่งของวิตมินที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 บี2 และไนอะซิน นอกจากนี้กล้วยยังมีคุณสมบัติทางยา ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ท้องผูก สามารถบรรเทาอาการจากโรคกระเพาะ และยังเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามนอกจากกล้วยแล้วขนมกล้วยปิ้งนี้ยังมีส่วนผสมหลักอื่นด้วย ทั้ง กะทิ น้ำตาล แป้ง หากรับประมานในปริมาณมากเกินความจำเป็นของร่างกายย่อมเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ ฉะนั้น ทุกคนควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะกันนะคะ