
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
โควิดระลอกใหม่ไม่รุนแรงเท่าเดิม? เจาะแผนรับมือของ สธ.ปี 2568สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทยช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 กลับมาอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอีกครั้ง หลังพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 65,880 รายในสัปดาห์เดียว แม้จะไม่มีความตื่นตระหนกในวงกว้างเท่าช่วงวิกฤตในอดีต แต่ตัวเลขที่ยังแตะระดับหลักหมื่นทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามว่า การระบาดรอบนี้รุนแรงแค่ไหน และระบบสาธารณสุขไทยยังพร้อมหรือไม่หากสถานการณ์ลุกลามอย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าการระบาดในรอบนี้ได้ผ่านช่วงสูงสุดไปแล้ว โดยแนวโน้มจากกองระบาดวิทยาชี้ว่า สถานการณ์เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วย ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินว่า โควิด 19 ในปี 2568 แม้จะแพร่กระจายในวงกว้าง แต่มีความรุนแรงลดลงอย่างชัดเจน กลุ่มอายุและฤดูฝน ปัจจัยที่ยังต้องจับตาข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า กลุ่มอายุที่พบการติดเชื้อสูงสุดในระลอกล่าสุด คือผู้มีอายุ 30–39 ปี รองลงมาคือกลุ่ม 20–29 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะที่ช่วงเวลาการระบาดในฤดูฝนทำให้การแพร่เชื้อเป็นไปได้ง่ายในพื้นที่ปิดและชุมชนเมืองแม้จำนวนผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงยังไม่สูงมาก แต่กระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้สถานพยาบาลทั่วประเทศเตรียมยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรให้เพียงพอ โดยเน้นย้ำให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ระมัดระวังการใช้ชีวิตประจำวัน และยังคงปฏิบัติตามมาตรการพื้นฐานอย่างเคร่งครัดยุทธศาสตร์รับมือปี 2568 ไม่ใช่แค่เรื่องยานายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า หน่วยงานในสังกัดได้เตรียมแผนรับมืออย่างเป็นระบบ โดยเน้นการดูแลผู้ป่วยตามระดับอาการ ลดความแออัดของโรงพยาบาล และส่งเสริมให้ประชาชนตรวจด้วย ATK เบื้องต้นหากมีอาการ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อในครัวเรือนหรือในที่ทำงานนอกจากนี้ กระทรวงยังมุ่งสื่อสารถึงประชาชนให้เข้าใจว่า โควิด 19 จะยังคงเป็นโรคที่วนเวียนอยู่กับสังคมไทยอีกระยะหนึ่ง การสร้างความตื่นตัวอย่างมีสติจึงเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความประมาท หรือหวาดวิตกเกินกว่าเหตุ ควบคู่การเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ในช่วงเดียวกัน สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 5–9 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่พบการ
อ่านต่อ >21

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
“ประกันสังคม มาตรา 40” เพิ่มเงินทดแทน เจ็บป่วย ทุพพลภาพ สงเคราะห์บุตร เริ่มใช้กฎหมายใหม่เร็ว ๆ นี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ปรับปรุงสิทธิประโยชน์สำหรับ ผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มความคุ้มครองและเงินทดแทนในหลายกรณี โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้าแม่ค้า แม่บ้าน รับจ้างทั่วไป และฟรีแลนซ์ สรุปสาระสำคัญของการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ มาตรา 401.เพิ่มเงินทดแทนเจ็บป่วยทางเลือกที่ 1-2: หากไม่ได้พักรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่มีใบรับรองแพทย์ จะได้รับเงินเพิ่มจาก 50 บาทเป็น 200 บาท/ครั้งทางเลือกที่ 3: เดิมไม่มีสิทธิ บัดนี้จะได้รับ 200 บาท/ครั้ง เช่นกัน2.กรณีติดเชื้อโรคติดต่ออันตราย เช่น โควิด-19ผู้ประกันตนทางเลือก 1-3 ที่เข้ารับการรักษาจะได้รับเงิน 200 บาท/วัน3.ทุพพลภาพทางเลือกที่ 1-2: รับเงิน 1,000–2,000 บาท/เดือนตลอดชีวิต (เดิมจำกัดที่ 15 ปี)ทางเลือกที่ 3: ปรับเพิ่มเป็น 1,500–3,000 บาท/เดือน4.สงเคราะห์บุตรเฉพาะทางเลือกที่ 3: ได้รับเงิน 300 บาท/เดือน ต่อบุตร 1 คน อายุไม่เกิน 7 ปี5.กรณีเสียชีวิตก่อนวัยเกษียณทางเลือกที่ 2-3: หากเสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี จะมีสิทธิให้บุคคลที่ผู้ประกันตนระบุ รับเงิน บำเหน็จชราภาพ6.บทเฉพาะกาลผู้ที่เจ็บป่วยจากโควิด-19 ระหว่าง 26 มี.ค. 63 – 30 ก.ย. 65 สามารถขอรับเงินทดแทนย้อนหลังได้สิทธิใหม่ครอบคลุมผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิประโยชน์เดิมก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ สมัครประกันสังคม มาตรา 40 ได้ง่าย ครอบคลุมหลากหลายอาชีพใครสมัครได้บ้าง?- อายุ 15–60 ปีบริบูรณ์- ไม่เป็นผู้ประกันตน ม.33 หรือ ม.39- ไม่เป็นข้าราชการ หรือบุคคลที่ถูกยกเว้นตามกฎหมายทำไมต้องสมัคร มาตรา 40?- สร้างหลักประกันรายได้ในยามเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุไม่คาดฝัน- รับเงินสงเคราะห์บุตรช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว- ได้รับเงินชราภาพแม้ไม่มีนายจ้าง- คุ้มค่าและสมัครง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ติดตามประกาศบังคับใช้กฎหมายใหม่เร็ว ๆ นี้จากสำนักงานประกันสังคมสนใจสมัคร มาตรา 40 ติดต่อสำนักงานประกันสังคมหรือสมัครผ่านแอปพลิเคชันที่กำหนด
อ่านต่อ >18

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (4 มิ.ย.2568) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานศาลยุติธรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย นายคารม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม ได้ยกร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. .... ขึ้น มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทน ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อัตราการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญามีความเหมาะสม ตอบสนองความต้องการของประชาชนและลดขั้นตอนที่เกินความจำเป็น ไม่เป็นภาระของประชาชน และเกิดความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น มีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้1.หลักการพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย สาระสำคัญ ในการพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา ให้คณะกรรมการ พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาคำนึงถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิดและสภาพความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ รวมถึงโอกาสที่ผู้เสียหายจะได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอื่นด้วย (คงเดิม)2.การจ่ายค่าตอบแทนในกรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย (จ่ายแก่ทายาทของผู้เสียหาย) สาระสำคัญ ให้ได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน 300,000 บาท (เดิม 30,000 – 100,000 บาท) ซึ่งคณะกรรมการฯ พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย โดยคำนึงถึง ค่าจัดการศพ (เดิม 20,000 บาท) ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู (เดิม 40,000 บาท) และค่าเสียหายอื่น (เดิม 40,000 บาท) มาประกอบการพิจารณา3.การจ่ายค่าตอบแทนในกรณีผู้เสียหายไม่เสียชีวิต สาระสำคัญ กำหนดค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 80,000 บาท (เดิม กำหนดไม่เกิน 40,000 บาท) กำหนดค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 50,00
อ่านต่อ >7

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
เปิดประวัติ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ชายชาติทหารผู้ยืนหยัดแนวชายแดนในช่วงเวลาที่สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาเริ่มครุกรุ่น เฟซบุ๊กของกองทัพภาคที่ 2 ได้เผยข้อความที่สร้างความอุ่นใจไม่น้อย โดยระบุว่า "ขอบคุณพี่น้องคนไทยที่มีจิตใจรักชาติ รักบ้านเมือง ยามนี้เป็นหน้าที่ของทหารตามแนวชายแดน เรามุ่งมั่นและเชื่อมั่นในทหารของประเทศไทยว่าจะสามารถปกป้องอธิปไตย และไม่ยอมให้เสียดินแดนตามที่พี่น้องมุ่งหวังและเป็นกำลังใจให้" โดยสารนี้มาจาก “พลโท บุญสิน พาดกลาง” หรือที่รู้จักกันในนาม “แม่ทัพกุ้ง” ซึ่งชื่อก้าวขึ้นมาเป็นที่สนใจของสังคมไทยในฐานะแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้ที่ยืนหยัดอยู่แนวชายแดนท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องจับตามองระหว่างประเทศไทย และ เพื่อนบ้านกัมพูชา ภาพจาก : กองทัพภาคที่ 2ประวัติ “พลโท บุญสิน พาดกลาง” จากผู้น้อยสู่แม่ทัพใหญ่พล.ท.บุญสิน พาดกลาง สำเร็จการศึกษาจาก- โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 26- โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 37- โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 77ภาพจาก : กองทัพภาคที่ 2เส้นทางการรับราชการของเขาผ่านบทบาทสำคัญหลายตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมกำลัง และ ภารกิจชายแดน ไม่ว่าจะเป็น- ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3- ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22- เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 3- ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3- ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3- รองแม่ทัพภาคที่ 2 , แม่ทัพน้อยที่ 2จนก้าวสู่ตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ลำดับที่ 44 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 ต่อจาก พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ พิธีรับส่งหน้าที่เป็นไปอย่างสมเกียรติ ณ ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำกองทัพภาคที่ 2 ก่อนลงนามรับมอบภารกิจที่ยิ่งใหญ่ภาพจาก : กองทัพภาคที่ 2 เพื่อนตท.26 สายแข็งแห่งกองทัพบกอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ แม่ทัพบุญสินเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของนายทหารระดับสูงในกองทัพ อาทิ- พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก- พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ผู้มีบทบาทต่อประเด็นความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนพิเศษยืนหยัดเพื่อผืนแผ่นดินไทยเมื่อชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มเกิดความไม่แน่นอนช่วงต้นปี 2568 ทั้งการร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมือนธม การเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายผิดธรรมเนียม กองทัพภาคที่ 2 ภายใต้การนำของแม่ทัพ
อ่านต่อ >41

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
โควิดระลอกใหม่ไม่รุนแรงเท่าเดิม? เจาะแผนรับมือของ สธ.ปี 2568สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทยช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 กลับมาอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอีกครั้ง หลังพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 65,880 รายในสัปดาห์เดียว แม้จะไม่มีความตื่นตระหนกในวงกว้างเท่าช่วงวิกฤตในอดีต แต่ตัวเลขที่ยังแตะระดับหลักหมื่นทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามว่า การระบาดรอบนี้รุนแรงแค่ไหน และระบบสาธารณสุขไทยยังพร้อมหรือไม่หากสถานการณ์ลุกลามอย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าการระบาดในรอบนี้ได้ผ่านช่วงสูงสุดไปแล้ว โดยแนวโน้มจากกองระบาดวิทยาชี้ว่า สถานการณ์เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วย ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินว่า โควิด 19 ในปี 2568 แม้จะแพร่กระจายในวงกว้าง แต่มีความรุนแรงลดลงอย่างชัดเจน กลุ่มอายุและฤดูฝน ปัจจัยที่ยังต้องจับตาข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า กลุ่มอายุที่พบการติดเชื้อสูงสุดในระลอกล่าสุด คือผู้มีอายุ 30–39 ปี รองลงมาคือกลุ่ม 20–29 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะที่ช่วงเวลาการระบาดในฤดูฝนทำให้การแพร่เชื้อเป็นไปได้ง่ายในพื้นที่ปิดและชุมชนเมืองแม้จำนวนผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงยังไม่สูงมาก แต่กระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้สถานพยาบาลทั่วประเทศเตรียมยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรให้เพียงพอ โดยเน้นย้ำให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ระมัดระวังการใช้ชีวิตประจำวัน และยังคงปฏิบัติตามมาตรการพื้นฐานอย่างเคร่งครัดยุทธศาสตร์รับมือปี 2568 ไม่ใช่แค่เรื่องยานายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า หน่วยงานในสังกัดได้เตรียมแผนรับมืออย่างเป็นระบบ โดยเน้นการดูแลผู้ป่วยตามระดับอาการ ลดความแออัดของโรงพยาบาล และส่งเสริมให้ประชาชนตรวจด้วย ATK เบื้องต้นหากมีอาการ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อในครัวเรือนหรือในที่ทำงานนอกจากนี้ กระทรวงยังมุ่งสื่อสารถึงประชาชนให้เข้าใจว่า โควิด 19 จะยังคงเป็นโรคที่วนเวียนอยู่กับสังคมไทยอีกระยะหนึ่ง การสร้างความตื่นตัวอย่างมีสติจึงเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความประมาท หรือหวาดวิตกเกินกว่าเหตุ ควบคู่การเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ในช่วงเดียวกัน สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 5–9 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่พบการ
อ่านต่อ >21

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
“ประกันสังคม มาตรา 40” เพิ่มเงินทดแทน เจ็บป่วย ทุพพลภาพ สงเคราะห์บุตร เริ่มใช้กฎหมายใหม่เร็ว ๆ นี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ปรับปรุงสิทธิประโยชน์สำหรับ ผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มความคุ้มครองและเงินทดแทนในหลายกรณี โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้าแม่ค้า แม่บ้าน รับจ้างทั่วไป และฟรีแลนซ์ สรุปสาระสำคัญของการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ มาตรา 401.เพิ่มเงินทดแทนเจ็บป่วยทางเลือกที่ 1-2: หากไม่ได้พักรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่มีใบรับรองแพทย์ จะได้รับเงินเพิ่มจาก 50 บาทเป็น 200 บาท/ครั้งทางเลือกที่ 3: เดิมไม่มีสิทธิ บัดนี้จะได้รับ 200 บาท/ครั้ง เช่นกัน2.กรณีติดเชื้อโรคติดต่ออันตราย เช่น โควิด-19ผู้ประกันตนทางเลือก 1-3 ที่เข้ารับการรักษาจะได้รับเงิน 200 บาท/วัน3.ทุพพลภาพทางเลือกที่ 1-2: รับเงิน 1,000–2,000 บาท/เดือนตลอดชีวิต (เดิมจำกัดที่ 15 ปี)ทางเลือกที่ 3: ปรับเพิ่มเป็น 1,500–3,000 บาท/เดือน4.สงเคราะห์บุตรเฉพาะทางเลือกที่ 3: ได้รับเงิน 300 บาท/เดือน ต่อบุตร 1 คน อายุไม่เกิน 7 ปี5.กรณีเสียชีวิตก่อนวัยเกษียณทางเลือกที่ 2-3: หากเสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี จะมีสิทธิให้บุคคลที่ผู้ประกันตนระบุ รับเงิน บำเหน็จชราภาพ6.บทเฉพาะกาลผู้ที่เจ็บป่วยจากโควิด-19 ระหว่าง 26 มี.ค. 63 – 30 ก.ย. 65 สามารถขอรับเงินทดแทนย้อนหลังได้สิทธิใหม่ครอบคลุมผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิประโยชน์เดิมก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ สมัครประกันสังคม มาตรา 40 ได้ง่าย ครอบคลุมหลากหลายอาชีพใครสมัครได้บ้าง?- อายุ 15–60 ปีบริบูรณ์- ไม่เป็นผู้ประกันตน ม.33 หรือ ม.39- ไม่เป็นข้าราชการ หรือบุคคลที่ถูกยกเว้นตามกฎหมายทำไมต้องสมัคร มาตรา 40?- สร้างหลักประกันรายได้ในยามเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุไม่คาดฝัน- รับเงินสงเคราะห์บุตรช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว- ได้รับเงินชราภาพแม้ไม่มีนายจ้าง- คุ้มค่าและสมัครง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ติดตามประกาศบังคับใช้กฎหมายใหม่เร็ว ๆ นี้จากสำนักงานประกันสังคมสนใจสมัคร มาตรา 40 ติดต่อสำนักงานประกันสังคมหรือสมัครผ่านแอปพลิเคชันที่กำหนด
อ่านต่อ >18

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (4 มิ.ย.2568) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานศาลยุติธรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย นายคารม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม ได้ยกร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. .... ขึ้น มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทน ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อัตราการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญามีความเหมาะสม ตอบสนองความต้องการของประชาชนและลดขั้นตอนที่เกินความจำเป็น ไม่เป็นภาระของประชาชน และเกิดความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น มีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้1.หลักการพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย สาระสำคัญ ในการพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา ให้คณะกรรมการ พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาคำนึงถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิดและสภาพความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ รวมถึงโอกาสที่ผู้เสียหายจะได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอื่นด้วย (คงเดิม)2.การจ่ายค่าตอบแทนในกรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย (จ่ายแก่ทายาทของผู้เสียหาย) สาระสำคัญ ให้ได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน 300,000 บาท (เดิม 30,000 – 100,000 บาท) ซึ่งคณะกรรมการฯ พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย โดยคำนึงถึง ค่าจัดการศพ (เดิม 20,000 บาท) ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู (เดิม 40,000 บาท) และค่าเสียหายอื่น (เดิม 40,000 บาท) มาประกอบการพิจารณา3.การจ่ายค่าตอบแทนในกรณีผู้เสียหายไม่เสียชีวิต สาระสำคัญ กำหนดค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 80,000 บาท (เดิม กำหนดไม่เกิน 40,000 บาท) กำหนดค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 50,00
อ่านต่อ >7

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
เปิดประวัติ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ชายชาติทหารผู้ยืนหยัดแนวชายแดนในช่วงเวลาที่สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาเริ่มครุกรุ่น เฟซบุ๊กของกองทัพภาคที่ 2 ได้เผยข้อความที่สร้างความอุ่นใจไม่น้อย โดยระบุว่า "ขอบคุณพี่น้องคนไทยที่มีจิตใจรักชาติ รักบ้านเมือง ยามนี้เป็นหน้าที่ของทหารตามแนวชายแดน เรามุ่งมั่นและเชื่อมั่นในทหารของประเทศไทยว่าจะสามารถปกป้องอธิปไตย และไม่ยอมให้เสียดินแดนตามที่พี่น้องมุ่งหวังและเป็นกำลังใจให้" โดยสารนี้มาจาก “พลโท บุญสิน พาดกลาง” หรือที่รู้จักกันในนาม “แม่ทัพกุ้ง” ซึ่งชื่อก้าวขึ้นมาเป็นที่สนใจของสังคมไทยในฐานะแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้ที่ยืนหยัดอยู่แนวชายแดนท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องจับตามองระหว่างประเทศไทย และ เพื่อนบ้านกัมพูชา ภาพจาก : กองทัพภาคที่ 2ประวัติ “พลโท บุญสิน พาดกลาง” จากผู้น้อยสู่แม่ทัพใหญ่พล.ท.บุญสิน พาดกลาง สำเร็จการศึกษาจาก- โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 26- โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 37- โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 77ภาพจาก : กองทัพภาคที่ 2เส้นทางการรับราชการของเขาผ่านบทบาทสำคัญหลายตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมกำลัง และ ภารกิจชายแดน ไม่ว่าจะเป็น- ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3- ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22- เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 3- ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3- ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3- รองแม่ทัพภาคที่ 2 , แม่ทัพน้อยที่ 2จนก้าวสู่ตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ลำดับที่ 44 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 ต่อจาก พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ พิธีรับส่งหน้าที่เป็นไปอย่างสมเกียรติ ณ ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำกองทัพภาคที่ 2 ก่อนลงนามรับมอบภารกิจที่ยิ่งใหญ่ภาพจาก : กองทัพภาคที่ 2 เพื่อนตท.26 สายแข็งแห่งกองทัพบกอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ แม่ทัพบุญสินเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของนายทหารระดับสูงในกองทัพ อาทิ- พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก- พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ผู้มีบทบาทต่อประเด็นความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนพิเศษยืนหยัดเพื่อผืนแผ่นดินไทยเมื่อชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มเกิดความไม่แน่นอนช่วงต้นปี 2568 ทั้งการร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมือนธม การเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายผิดธรรมเนียม กองทัพภาคที่ 2 ภายใต้การนำของแม่ทัพ
อ่านต่อ >41

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
โควิดระลอกใหม่ไม่รุนแรงเท่าเดิม? เจาะแผนรับมือของ สธ.ปี 2568สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทยช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 กลับมาอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอีกครั้ง หลังพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 65,880 รายในสัปดาห์เดียว แม้จะไม่มีความตื่นตระหนกในวงกว้างเท่าช่วงวิกฤตในอดีต แต่ตัวเลขที่ยังแตะระดับหลักหมื่นทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามว่า การระบาดรอบนี้รุนแรงแค่ไหน และระบบสาธารณสุขไทยยังพร้อมหรือไม่หากสถานการณ์ลุกลามอย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าการระบาดในรอบนี้ได้ผ่านช่วงสูงสุดไปแล้ว โดยแนวโน้มจากกองระบาดวิทยาชี้ว่า สถานการณ์เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วย ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินว่า โควิด 19 ในปี 2568 แม้จะแพร่กระจายในวงกว้าง แต่มีความรุนแรงลดลงอย่างชัดเจน กลุ่มอายุและฤดูฝน ปัจจัยที่ยังต้องจับตาข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า กลุ่มอายุที่พบการติดเชื้อสูงสุดในระลอกล่าสุด คือผู้มีอายุ 30–39 ปี รองลงมาคือกลุ่ม 20–29 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะที่ช่วงเวลาการระบาดในฤดูฝนทำให้การแพร่เชื้อเป็นไปได้ง่ายในพื้นที่ปิดและชุมชนเมืองแม้จำนวนผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงยังไม่สูงมาก แต่กระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้สถานพยาบาลทั่วประเทศเตรียมยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรให้เพียงพอ โดยเน้นย้ำให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ระมัดระวังการใช้ชีวิตประจำวัน และยังคงปฏิบัติตามมาตรการพื้นฐานอย่างเคร่งครัดยุทธศาสตร์รับมือปี 2568 ไม่ใช่แค่เรื่องยานายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า หน่วยงานในสังกัดได้เตรียมแผนรับมืออย่างเป็นระบบ โดยเน้นการดูแลผู้ป่วยตามระดับอาการ ลดความแออัดของโรงพยาบาล และส่งเสริมให้ประชาชนตรวจด้วย ATK เบื้องต้นหากมีอาการ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อในครัวเรือนหรือในที่ทำงานนอกจากนี้ กระทรวงยังมุ่งสื่อสารถึงประชาชนให้เข้าใจว่า โควิด 19 จะยังคงเป็นโรคที่วนเวียนอยู่กับสังคมไทยอีกระยะหนึ่ง การสร้างความตื่นตัวอย่างมีสติจึงเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความประมาท หรือหวาดวิตกเกินกว่าเหตุ ควบคู่การเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ในช่วงเดียวกัน สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 5–9 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่พบการ
อ่านต่อ >21