ขึ้นชื่อว่าโรคระบาดร้ายแรง เชื่อแน่ว่าย่อมไม่มีใครอยากจะข้องเกี่ยวอย่างแน่นอน แต่บางช่วงชีวิตเช่นในช่วงการระบาดของไวรัสควิด-19 ที่เกิดระบาดขึ้นมาในช่วงเวลานี้ ก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น และไม่มีใครรู้ว่าจะมีความร้ายแรงมากมายขนาดนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดเลยจริง ๆ และเมื่อมีผู้ได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดมาจากสาเหตุอะไรกันแน่นั้น ผู้ติดเชื้อย่อมเป็นผู้รับเชื้อมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และบางคนอาจจะได้รับเชื้อมาจากความเสี่ยงแตกต่างกันออกไป เคสต่าง ๆ ไม่ว่าจะได้รับเชื้อมาจากเคสไหนก็ตาม ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนมีความหวาดกลัวทั้งผู้ติดเชื้อและครอบครัวของผู้ติดเชื้อเอง เมื่อผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาหายแล้ว ทางโรงพยาบาลจะให้ดูอาการอีก 14 วัน เพราะเชื้อไวรัสนี้จะมีการแพร่เชื้อรุนแรงในช่วงนี้ และเพื่อเป็นการดูอาการผู้ป่วยก่อนที่จะให้ออกจากโรงพยาบาล เป็นการป้องกันการเกิดเชื้อใหม่ จึงทำให้ผู้ติดเชื้อที่รักษาหายแล้วออกไปนั้นมีโอกาสติดเชื้อกับผู้ใกล้ชิดนั้นมีน้อยมาก ช่วงแรกที่ได้รับเชื้อมาผู้ที่ติดเชื้อก็คงจะมีความวิตกกังวลกันมากอยู่แล้วแต่อย่างน้อยก็ยังได้เข้ารักษาในโรงพยาบาลซึ่งมีเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยดูแลอาการอย่างดี แต่พอรักษาหายแล้วออกมาพักที่ฟื้นที่บ้านเชื่อคะว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือผู้ใกล้ชิดเองคงมีความเป็นกังวลกันอย่างแน่นอนว่าจะมีโอกาสติดเชื้อกันอีกหรือไม่ วิธีสังเกตอาการของผู้ที่หายป่วยแล้วว่ามีอาการเสี่ยงกลับไปติดเชื้อได้อีกหรือไม่ 1. อาการดีขึ้น ไม่มีอาการไข้ ไอ จาม น้ำมูก 2. ดูจากระยะเวลา ถ้าหลังจาก 14 วันแล้วผู้หายจากโควิดจะไม่ไปแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น เรื่องความเสี่ยงของผู้หายป่วย ว่าจะไปแพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อหรือไม่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแจ้งว่ามีโอกาสน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลยเพราะร่างกายของคนที่หายป่วยก็จะสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเองขึ้นมาทำให้ร่างกายสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดี และตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขก็ให้ผู้ป่วยพักฟื้นที่บ้านจนครบ 1 เดือน โดยพักผ่อนดูแลตัวเองใช้มาตรการเดิมอย่างเคร่งครัด จะทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการไปรับเชื้อโรคตัวอื่นและลดโอกาสที่จะไปแพร่เชื้อให้กับสังคมได้ การปฏิบัติตัวระหว่างผู้ที่หายป่วยและคนใกล้ชิดหลังกลับไปพักฟื้นที่บ้าน เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร แยกห้องนอน แยกของใช้ส่วนตัวไม่ปะปนกับผู้อื่น แยกเสื้อผ้าซัก ใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าได้ตามปกติ ถ้ามีขยะติดเชื้อ เช่นน้ำมูก น้ำลาย ให้แยกทิ้ง แยกสำรับอาหาร เว้นระยะห่างในการรับประทานอาหาร แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย ลดการสัมผัสบริเวณต่าง ๆ ที่มีโอกาสไปแตะหรือจับบ่อย ๆ เพราะอาจจะมีเชื้อโรคติดอยู่ เช่น ราวบันได ลูกบิดประตู ลดการสัมผัสบริเวณใบหน้า จมูก และปาก ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ กับชุมชนเอง ก็สามารถใช้แนวทางปฏิบัติเดียวกันได้ เพราะการติดเชื้อเกิดจากความใกล้ชิด แต่ถ้าเราปฏิบัติตามมาตรการที่ทางแพทย์แจ้งมาแล้ว ก็แทบจะไม่มีโอกาสติดเชื้อได้เลย เห็นไหมคะว่าการดูแลตัวเองและการปฏิบัติตัวตามมาตรการของทางกระทรวงสาธารณสุขของเราเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเรารู้และเข้าใจในวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องแล้ว เชื่อแน่ว่าเราจะเป็นคนที่ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กันอย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ https://unsplash.com/ ภาพที่ 1 Photo by engin akyurt on Unsplash https://unsplash.com/photos/44D6S-5jDJQ ภาพที่ 2 Photo by Annie Spratt on Unsplash https://unsplash.com/photos/_S0XzuaZLas ภาพที่ 3 Photo by Christine Sandu on Unsplash https://unsplash.com/photos/LThqAPBpqtI Photo by Brian Wangenheim on Unsplash https://unsplash.com/photos/wCqiHkjX1ZU Photo byUnited Nations COVID-19 Response https://unsplash.com/photos/7Kaa-cmmg5Y Photo by Anton on Unsplash https://unsplash.com/photos/y-bjqTUUw2Q Photo by Brittany Colette on Unsplash https://unsplash.com/photos/-CDN2nTKfrA ปก Photo by Sharon McCutcheon on Unsplash https://unsplash.com/photos/tKnqkvFcmyM ขอบคุณข้อมูลจาก (ติดจอ ฬ.จุฬา) https://www.youtube.com/watch?v=pV8X3epRqBI&feature=youtu.be