จากปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่แฝงตัวหลอกลวงผ่านการโทรศัพท์ในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้แอปบอกเบอร์ถือเป็นแอปสำคัญที่จำเป็นต้องมีติดเครื่อง เพื่อให้ทราบว่าปลายทางที่โทรมานั้นเป็นใคร และแอปใดที่น่าเลือกใช้ที่สุดWhoscall จัดเป็นแอปพลิเคชั่นบอกเบอร์รายแรก ๆ ที่คนไทยเลือกใช้ตั้งแต่สมัยสมาร์ทโฟนเริ่มมีใช้กันในประเทศ และแอปบอกเบอร์เหล่านี้ไม่ได้มีฐานข้อมูลในตัวแอปเองมาแต่เริ่ม แต่เป็นผู้ใช้แอปที่เป็นผู้ระบุลงไปว่าเบอร์นั้น ๆ คือใครแล้วกลายเป็นฐานข้อมูลในเวลาต่อมา จึงเป็นเหตุผลที่ Whoscall มีฐานข้อมูลของเบอร์โทรศัพท์ขนาดใหญ่และต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน แม้จะมีแอปอื่น ๆ ที่มีให้เลือกอีกมาก แต่ด้วยฐานข้อมูล Whoscall จึงทำให้เป็นตัวเลือกแรกสำหรับแอปบอกเบอร์เสมอการใช้งาน Whoscall นั้นสามารถติดตั้งได้จาก Google Play และ App Storeเมื่อเปิดใช้งานครั้งแรก ระบบจะขออนุญาตเข้าใช้งานตามส่วนต่าง ๆ ซึ่งเพียงทำตามขั้นตอน แล้วก็พร้อมใช้งานในทันทีจากนั้นเมื่อมีผู้โทรเข้า หน้าต่างลอยของ Whoscall ก็จะแสดงซ้อนขึ้นมา พร้อมแจ้งว่า หมายเลขที่โทรเข้ามานั้น ฐานข้อมูลที่ถูกระบุไว้คืออะไร โดยในตัวอย่างนี้จะแสดงชื่อ มิจฉาชีพ และประเภทคือ เบอร์โทรรบกวน โดยเรายังคงสามารถเลือกที่จะรับสายหรือไม่ก็ได้ แต่หากไม่มีรายชื่อในฐานข้อมูลก็จะขึ้นเพียงแต่หมายเลขที่โทรเข้าหากเราเลือกรับสาย เมื่อวางหูแล้วระบบจะถามเราอีกครั้งว่า เบอร์นี้ตรงกับที่ถูกระบุไว้ตอนต้นหรือไม่ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลให้กับแอปต่อไป หากเราไม่เห็นด้วย โดยเลือกไม่ถูก แอปก็จะขอให้เราพิมพ์ข้อมูลลงไปใหม่แต่หากเราเลือกไม่รับสาย ระบบจะมีตัวเลือกบล็อกขึ้นมา เพื่อไม่ให้เบอร์นี้รบกวนเราได้อีกเนื่องด้วย Whoscall จะแสดงชื่อของผู้โทรเข้าตามความถี่ที่มีผู้กดถูกหลังวางสาย ทำให้บางครั้งคนร้ายใช้วิธีปั่นเบอร์ตัวเอง ดังในกรณีตัวอย่างนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นกับผู้บอกเล่าท่านหนึ่ง ช่วงสิบโมงเช้ามีคนโทรเข้ามา น้องพิม ได้ปรากฏเป็นชื่อผู้โทรเข้าบนหน้าต่างลอย เมื่อรับสาย ปลายทางอ้างว่าคุณพ่อของผู้รับสายที่อยู่ต่างจังหวัดประสบอุบัติเหตุ ตนเป็นแม่น้องพิมที่เป็นเพื่อนบ้านใหม่ของคุณพ่อ และพบเห็นเหตุการณ์ จึงได้นำคุณพ่อไปที่โรงพยาบาลแล้ว โดยตนได้เอาโทรศัพท์ของคุณพ่อพยายามโทรหาตามเบอร์ที่บันทึกไว้ แต่จากอุบัติเหตุทำให้โทรศัพท์เสียหายโทรออกไม่ได้ แต่ได้ค้นหาจากเบอร์ที่เมมว่า ลูก แล้วใช้เบอร์ตัวเองโทรมา โดยต้องการเงินเพื่อเป็นค่ารักษาเบื้องต้น ขอให้ช่วยโอนเงินมาจำนวน 50,000 บาท ตามเลขพร้อมเพย์ของตนเองซึ่งบังเอิญเจ้าของเหตุการณ์นี้มีคุณพ่ออยู่ที่ต่างจังหวัดจริง แต่ตั้งสติได้จึงขอเวลาสักครู่แล้วจะติดต่อกลับ หลังวางหูเบื้องต้นไม่สามารถติดต่อคุณพ่อได้จริง แต่เปิด Whoscall ตรวจสอบประวัติจึงพบว่า หมายเลขดังกล่าวเคยถูกระบุว่าเป็น มิจฉาชีพ และ คนร้ายอยู่ด้วย จึงทำให้ฉุกใจได้ พยายามติดต่อบุคคลในละแวกบ้านคุณพ่อได้สำเร็จ และพบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น จากการตรวจสอบในกรณีเช่นนี้ หากหลงเชื่อโอนเงินแล้ว ปลายสายก็จะอ้างมีค่าผ่าตัด ฯลฯ ให้โอนเพิ่มไปอีกจนกว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็สูญเงินไปแล้วดังนั้นหากมีเบอร์ใดที่เรารู้สึกต้องสงสัยแม้จะปรากฏชื่อบนหน้าต่างลอยแล้ว เราสามารถเปิดแอป Whoscall โดยตรง และกดดูรายละเอียดในแต่ละเบอร์ย้อนหลังได้ว่า ผู้ใช้คนอื่น ๆ ระบุหมายเลขดังกล่าวว่าคืออะไรบ้างWhoscall นั้นเป็น app แบบกึ่งฟรี จึงมีโฆษณาตลอดการใช้งานสำหรับการใช้งานแบบฟรี แต่สามารถสมัครแบบพรีเมี่ยมเพื่อลบโฆษณาได้ และมีฟังก์ชั่นอัปเดตฐานข้อมูลอัตโนมัติ แต่หากใช้งานแบบฟรีจำเป็นต้องหมั่นอัปเดตฐานข้อมูลด้วยตัวเองโดยมีวิธีการดังนี้ทำการเปิดแอป Whoscall จากนั้นเลือกที่การป้องกันแถบด้านล่าง แล้วจึงกดอัปเดตด้วยตัวเอง ในส่วนนี้ควรทำเป็นประจำประมาณสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้ง แต่ไม่ควรปล่อยผ่านโดยไม่อัปเดตใด ๆ เนื่องจากเมื่อฐานข้อมูลไม่อัปเดต บรรดาเบอร์โทรศัพท์ใหม่ ๆ ก็จะไม่มีการอัปเดตตามไปด้วยทำให้เบอร์ใหม่ ๆ ที่โทรเข้ามาไม่มีข้อมูลว่าเป็นเบอร์อะไรในส่วนของฟีเจอร์เสริม Whoscall คือการแสกน SMS แต่การใช้งานนั้นเป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งปัญหา SMS หลอกลวงจะมีผลมากกับแอนดรอยด์ เนื่องจากสามารถติดตั้งแอปภายนอกหลังกดลิงก์ได้ (iOS เป็นระบบปิดจึงมีผลน้อย) หากต้องการใช้งานจริงสำหรับการป้องกันไวรัสต่าง ๆ ที่มากับ SMS ขอแนะนำให้ดูในบทความนี้แนะนำแอปพลิเคชั่นแอนตี้ไวรัส มัลแวร์ สำหรับ แอนดรอยด์ กรณีหาก Whoscall ไม่สามารถใช้งานได้ หรือไม่ถูกใจ ยังคงมีแอปอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมในไทย เช่น CallApp: Caller ID & Block และ Truecaller: Caller ID & Block การใช้งานเป็นแบบเดียวกับ Whoscall แต่ไม่แนะนำให้ทำการลงสองแอปพร้อมกัน เพราะจะทำให้หน้าต่างลอยระหว่างมีคนโทรเข้าจะซ้อนกันเองและอาจกดรับสายไม่ได้ส่วนที่สำคัญในการป้องกันมิจฉาชีพที่มากับโทรศัพท์คือ ห้ามโอนเงินให้ใครก็ตามที่ไม่รู้ที่มาเด็ดขาด แม้จะถูกอ้างว่าเป็นหน่วยงานราชการก็ตาม และห้ามคลิกที่ลิ้งค์ใด ๆ ที่มากับ SMS หรือ Line หากไม่มั่นใจ ถึงแม้จะมีหัวเป็นชื่อธนาคารจริง เพราะมิจฉาชีพสามารถปลอม ID บนหัว SMS หรือ Line ได้ และบางครั้งลิ้งค์นั้นอาจจะเป็นการลงแอปที่ทำให้มิจฉาชีพเข้าใช้งานมือถือของเราแบบรีโมทเหมือนจับมือเรากดเงินออกจากธนาคารได้เลยทีเดียว รวมถึงห้ามบอก otp หรือรหัสที่ใช้ยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน (2FA) ให้กับผู้อื่นเด็ดขาด หากไม่มั่นใจขอให้ติดต่อกลับธนาคาร สถาบันการเงิน หน่วยงานราชการ ฯลฯ โดยตรงเท่านั้นภาพปกโดย Eduardo Vianna Eduardo จาก Pixabayภาพประกอบโดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !