สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาแนะนำวิธียื่นภาษีครึ่งปี ภ.ง.ด.94 ออนไลน์ สำหรับร้านขายของชำ เนื่องจากตัวผมเองนั้นมีร้านค้าซึ่งเป็นร้านขายของชำ จึงจำเป็นต้องยื่นภาษีปีละ 2 ครั้ง คือ ภ.ง.ด.94 ครึ่งปี และ ภ.ง.ด.90 ปลายปี และผมเองนั้นได้หาวิธีการยื่นภาษีแบบออนไลน์จากอินเตอร์เน็ตแล้วลองทำตาม ซึ่งก็พบว่าทำได้ง่ายๆไม่ยาก สะดวกและรวดเร็ว วันนี้จึงอยากจะมาแนะนำวิธียื่นภาษี ภ.ง.ด.94 สำหรับใครที่มีร้านค้าประเภทนี้เป็นของตัวเองจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปยื่นเองที่กรมสรรพากร ว่าจะมีวิธีการอย่างไรบ้าง 1.ขั้นตอนแรกเข้า google แล้วค้นหาคำว่า ยื่น ภ.ง.ด.94 ออนไลน์ได้เลย จากนั้นเลือก efiling.rd.go.th <สามารถคลิกตรงนี้ได้เลยครับ 2.เมื่อเข้ามาแล้ว หากเคยสมัครแล้วก็เลือกเข้าสู่ระบบได้เลย หากยังไม่เคยสมัครสมาชิก ให้เลือกตรงคำว่าสมัครสมาชิก จากนั้นกรอกเลขบัตรประชนแล้วทำตามขั้นตอนได้เลย สมัครง่ายๆเหมือนสมัครแอพทั่วไป 3.เมื่อสมัครสมาชิกเสร็จแล้วก็ทำการ Login เข้าสู่ระบบ กรอกเลขบัตรประชาชนและรหัสผ่านตามที่เราสมัครไว้ จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนยืนยันตัวตน ให้เลือกเบอร์โทรที่ต้องการรับรหัส OTP จะเป็นเบอร์ที่ลงทะเบียนไว้หรือเป็นเบอร์อื่นที่สะดวกก็ได้ เมื่อได้รับ SMS นำรหัสมายืนยันตามขั้นตอน 4.เลือก ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 จากนั้นหน้าจอจะปรากฏข้อมูลเลขบัตรประชาชน ชื่อ ที่อยู่ ของเรา หากมีชื่อร้านหรือชื่อกิจการและมีเว็บไซต์ให้กรอกลงไป จากนั้นเลือกสถานะ หากมีคู่สมรสจะมีช่องให้กรอกข้อมูลผู้สมรสด้วย เสร็จแล้วเลือก ถัดไป 5.หน้ากรอกเงินได้ ให้เลื่อนลงมาที่หัวข้อ รายได้จากทรัพย์สิน , การทำธุรกิจ จากนั้นเลือกที่หัวข้อย่อย เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง และเงินได้อื่นๆ(มาตรา 40(8)) เลือก ระบุข้อมูล ท้ายหัวข้อ6.ตรงหัวขัอประเภทธุรกิจ ให้เลื่อนหาหัวข้อ การขายของนอกจากที่ระบุไว้ในข้ออื่น ซึ่งผู้ขายไม่ได้เป็นผู้ผลิต จากนั้นตรงช่อง เงินได้ทั้งหมด ให้กรอกจำนวนรายได้ทั้งหมดที่ขายได้ในครึ่งปีแรกลงไป ตรงช่อง ภาษีหัก ณ ที่จ่าย หากไม่มีให้ใส่เลข 0 ลงไป ตรงหัวข้อ วิธีหักค่าใช้จ่าย จะมีให้เลือกสองแบบ คือ 1.หักแบบเหมา 60% กับ 2.หักแบบตามจริง แนะนำให้เลือกแบบที่ 1 คือแบบเหมา 60% เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก เพราะจะเป็นการนำรายได้ทั้งหมดมาหักลบกับค่าใช้จ่ายหรือทุนสินค้าที่เรานำมาขายแบบเหมา 60% โดยที่เราไม่ต้องเก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐาน แต่หากเลือกแบบที่ 2 เราต้องเก็บใบเสร็จทั้งหมดที่เป็นต้นทุนสินค้าที่เรานำมาขายไว้เป็นหลักฐาน โดยใบเสร็จนั้นจะต้องเป็นใบเสร็จที่มีรายละเอียดชื่อผู้ขายในหัวบิลอย่างชัดเจน เช่นใบเสร็จที่เราไปซื้อของมาจากห้าง เป็นต้น จึงอยากแนะนำแบบที่ 1 เพราะด้วยเวลาที่เราไปซื้อสินค้าร้านขายส่งแถวบ้านบางร้านเขาก็จะเขียนแค่สินค้าและราคาใส่กระดาษเปล่า แค่นั้น ซึ่งกระดาษแบบนี้ไม่สามารถนำไปหักลบค่าใช้จ่ายได้ เพราะฉะนั้นการเลือกแบบที่ 1 นั้นจึงเป็นวิธีที่สะดวกและไม่ยุ่งยาก เสร็จแล้วจากนั้นเลือก บันทึก จากนั้นระบบจะย้อนกลับมาหน้าเดิมพร้อมแสดงรายได้ที่เราบันทึกลงไป จากนั้นเลือก ถัดไป 7.ต่อมาจะเป็นหน้าค่าลดหย่อนต่างๆ ในหน้านี้จะขึ้นแสดงค่าลดหย่อนของตัวเราเองอยู่แล้ว 30,000 บาท และหากเรามีบุตรต้องเลี้ยงดู มีพ่อและแม่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไปต้องเลี้ยงดู และมีอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือบุคคลทุพพลภาพ ก็ให้กรอกข้อมูลลงไปตรงหัวข้อนั้นๆ นอกจากนี้ยังมีหัวข้ออื่นๆในการลดหย่อน เช่น ส่งกองทุนประกันสังคม เบี้ยประกันชีวิต หรือการบริจาคต่างๆ หากเรามีก็สามารถนำมาลดหย่อนได้ เมื่อกรอกรายเอียดเสร็จแล้วเลือก ถัดไป8.ต่อมาจะเป็นหน้าตรวจสอบข้อมูล จะมีข้อมูลจำนวนรายได้ ข้อมูลจำนวนหักค่าใช้จ่าย ข้อมูลการลดหย่อน และจำนวนภาษีที่เราต้องเสีย หากเรายังไม่มั่นใจว่ากรอกข้อมูลครบถ้วนหรือไม่สามารถเลือก บันทึกแบบร่าง ไว้ก่อนก็ได้ ครั้งหน้าเมื่อเราเข้ามาทำการแก้ไขระบบจะยังบันทึกแบบร่างที่เราทำไว้อยู่ก่อนหน้านี้ หากมั่นใจว่าถูกต้องครบถ้วนแล้ว ก็เลือก ถัดไป ได้เลย 9.ต่อมาจะเป็นหน้ายืนยันการยื่นแบบ ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง จากนั้นเลือก ยืนยันการยื่นแบบ หลังจากนั้นระบบจะขึ้นว่ายื่นแบบสำเร็จ ซึ่งเราสามารถบันทึกไฟล์ที่เรายื่นไว้ลงในโทรศัพท์ได้เลย เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ ทำได้ง่ายสะดวกและรวดเร็วมากๆ สามารถทำเองได้บนโทรศัพท์เราเลย เป็นวิธีที่ดีและลดการทำงานเจ้าหน้าที่รวมถึงตัวเราที่ไม่ต้องยุ่งยากในการไปกรมสรรพากรด้วยตัวเองด้วย วังว่าบทความนี้น่าจะมีประโยชน์กับเจ้าของร้านขายของชำทุกๆคนนะครับ ภาพปก โดย Kevin Schneider จาก Pixabay">Kevin Schneider จาก pixabayภาพที่ 1-15 โดย เจ้าของบทความเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !