หลังจากที่ลูกน้อยก้าวเข้าสู่วัย 6 เดือนสิ่งที่คุณแม่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับลูกน้อยก็คือ เรื่องอาหารการกินเพราะเขาเข้าสู่วัยที่ต้องเสริมด้วยอาหารแล้วไม่ได้กินแค่นมอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งหากถามว่ามีความกังวลในเรื่องการเตรียมอาหารให้ลูกไหมตอบเลยว่าไม่มี เพราะแต่ละอย่างที่เราจะทำให้ลูกน้อยกินเราจะหาข้อมูลมาเป็นอย่างดีก่อนเสมอว่าเขาสามารถกินได้หรือไม่ได้ หากกินแล้วจะมีประโยชน์ต่อร่างกายของลูกส่วนไหนอะไรบ้างที่มีประโยชน์ต่อลูกน้อยในวัยนี้มากที่สุด แต่สิ่งที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือที่นอกเหนือจากการเตรียมอาหารก็คือเรื่องอารมณ์ของลูกน้อยในวัย 6 เดือน ซึ่งแม่ ๆ หลายคนจะนิยมความเจ้าอารมณ์ของลูกน้อยในวัย 6 เดือนว่า “วัยทอง 6 เดือน”ซึ่งที่มาของนิยมวัยทอง 6 เดือนก็เกิดขึ้นจากการเจ้าอารมณ์ของลูกน้อย ที่เขาเริ่มแสดงออกทางอารมณ์มากยิ่งขึ้นหลังจากที่เขาเริ่มเรียนรู้ทางด้านอารมณ์แล้ว พฤติกรรมและการแสดงออกของลูกน้อยจะต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงเพราะในช่วงที่เขายังเป็นทารกอยู่ แม้ว่าเขาจะร้องไห้งอแงพ่อแม่ทุกคนต่างเข้าใจว่าเขากำลังอยู่ในช่วงปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมนอกท้องของแม่ หลังจากผ่านช่วงวัยทารกเมื่อเขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมภายนอกท้องแม่ได้แล้วเขาจะเริ่มงอแงแค่เวลาที่หิวและเวลาที่เขารู้สึกไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ลูกน้อยในวัย 6 เดือนเขาจะชอบงอแงมากขึ้นบางวันงอแงแบบไร้สาเหตุทั้งวันเลยก็มีในบางครั้งลูกน้อยวัย 6 เดือนก็จะแสดงออกถึงความหงุดหงิด โวยวาย กรี๊ดเสียง หรือเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่มากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อแม่หลายคนไม่เข้าใจพฤติกรรมเขาว่ามันเกิดขึ้นจากช่วงวัยของเขาพอผ่านพ้นช่วงนี้ไปเขาจะดีขึ้นเอง พ่อแม่บางคนพอลูกแสดงออกทางอารมณ์มากขึ้นกลับต่อว่าหรือลงไม้ลงมือกับลูกน้อยเพราะเกิดจากความรำคาญในพฤติกรรมของลูกน้อย ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดอย่างมากเพราะลูกน้อยเค้าเริ่มเรียนรู้ด้านอารมณ์แต่เขายังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ การดุลูกหรือตีลูกจึงเป็นสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดทางใจให้ลูกอย่างมากแม้ว่าเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำกับเขาคืออะไร แต่เด็กน้อยจะจดจำและซึมซับพฤติกรรมที่พ่อแม่แสดงใส่เขาเอาไว้และส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์ของเขาในวันข้างหน้าสิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือกอดเขาและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนรวมถึงสอนเขาไปด้วย ว่าการแสดงอารมณ์แบบไหนที่สมควรหรือไม่สมควร การปลอบประโลมเขาจะช่วยละลายพฤติกรรมไม่ดีของเขาออกไปและตัวเขาเองจะเริ่มปรับตัวกับอารมณ์ของเขาได้ หลายในครอบครัวเราไม่เข้าใจกับสิ่งที่เราปฏิบัติต่อลูกทุกคนมองว่าเราเลี้ยงลูกแบบตามใจและโอ้เขาเกินไป แต่เราคนเป็นแม่เรารับรู้ได้ถึงความต้องการของลูกเรามากที่สุดเขาแค่ต้องการให้เราสนใจและกอดเขาเอาไว้ในวันที่เขายังสับสนกับการแสดงออกทางด้านอารมณ์ของเขาเท่านั้นเอง การเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่หากเราเลี้ยงเขาด้วยความเข้าใจเราว่ามันจะส่งผลดีต่ออารมณ์ ความรู้สึก จิตใจ และการแสดงออกของลูกในวันข้างหน้าได้ดีที่สุด เครดิตภาพทั้งหมดจากผู้เขียน