วิธีรับมือเมื่อมีรถปาดหน้า (บทความสุขภาพจิต) เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เห็นข่าวในรายการโทรทัศน์ กรณีที่สองสามีภรรยาขับรถกระบะอยู่บนถนนในเขตกรุงเทพมหานคร แต่มีรถเก๋งสีขาวขับปาดหน้า เจ้าของรถกระบะจึงบีบแตรใส่หนึ่งครั้ง ปรากฏว่าหลังจากนั้นรถเก๋งสีขาวที่ปาดหน้าก็ขับรถนำหน้าแล้วก็แตะเบรคเพื่อหยุดเป็นระยะๆ มีความหมายเชิงท้าทายและอวดเบ่งและประสงค์จะให้รถกระบะที่ขับตามมาชนท้าย จนในที่สุดรถทั้งสองคันก็จอดคุยกัน คนขับรถกระบะก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นจึงขับรถเช่นนั้น ปรากฏว่าชายเจ้าของรถเก๋งสีขาวโมโหและเกรี้ยวกราดใส่เจ้าของรถกระบะ จากนั้นจึงขับรถเก๋งของตนเองและตั้งใจถอยมาชนรถกระบะจนได้ ในขณะที่ภรรยาของเจ้าของรถกระบะซึ่งตั้งท้องได้หกเดือนก็นั่งอยู่ในรถคันดังกล่าว เหตุการณ์นี้มีพลเมืองดีบันทึกคลิปไว้ได้ จึงเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องเจ้าของรถเก๋งสีขาวได้ในที่สุด ใช่เพียงเท่านี้เคยพบข่าวทำนองนี้เป็นระยะๆในสังคม กรณีที่ขับรถปาดหน้ากัน พอรถคันที่ถูกขับปาดหน้าบีบแตรใส่ รถคันที่ปาดหน้าก็ไม่พอใจ ก็ยิ่งขับปาดหน้าไปมาไปมาอีกหลายครั้ง ทั้งๆที่ตัวเองทำผิดมารยาทการขับรถก็ยังไม่สำนึก จนท้ายที่สุดเมื่อมีการหยุดรถคุยกันก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันจนถึงขั้นชักปืนออกมายิงทำร้ายฝ่ายตรงกันข้ามเสียชีวิต ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ผู้เขียนเคยคุยกับกัลยาณมิตรซึ่งเป็นจิตแพทย์เราต่างก็มีความห่วงใยคนดีที่อาจเผลอไปอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวแล้วถูกทำร้ายในที่สุด ซึ่งไม่คุ้มค่าต่อชีวิต กับการเป็นคนดีและนำความดีไปแลกและคิดว่าจะอบรมสั่งสอนให้ข้อคิดแก่คนไร้มารยาทในการขับรถเหล่านั้น เพราะคนเหล่านั้นคือกลุ่มคนที่ขาดความฉลาดทางอารมณ์และสุขภาพจิตย่ำแย่ การบีบแตรเตือนเขาจึงไม่ตีความหมายว่าเป็นการเตือนสติ แต่เขาจะตีความว่าต่อว่าด่าทอและท้ารบนั่นเอง เพราะคนเหล่านั้นมักมีความผิดปรกติดังนี้ 1)เป็นคนก้าวร้าว คนเหล่านี้เอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่ ใครขัดใจไม่ได้ และมักจะโมโหโกรธาอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที รูปแบบของคนที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ใช่เพียงแต่พบบนท้องถนนในการขับรถเท่านั้น แต่ทำนายได้ว่าเหตุการณ์อื่นๆในชีวิตประจำวัน เขาก็เป็นคนก้าวร้าวต่อผู้อื่นเช่นนั้นนั่นเอง 2)ขาดความยับยั้งชั่งใจ คนเหล่านี้จะขาดสติสัมปชัญญะและความยับยั้งชั่งใจ มีสิ่งใดมากระตุ้นนิดหน่อยก็มักจะตีความไปในทางลบ เช่นเมื่อตัวเองขับรถปาดหน้าคนอื่น พอถูกบีบแตรใส่หนึ่งครั้งซึ่งอาจมีความหมายว่าเตือนสติไม่ควรทำเช่นนั้น แต่เขาจะตีความหมายที่เลวร้ายใหญ่โตไปในทางลบว่าถูกต่อว่าด่าทอและท้าทายความอหังการของเขาเอง 3)เป็นคนหงุดหงิดฉุนเฉียว การที่เป็นคนขี้หงุดหงิดฉุนเฉียวไม่ว่าใครจะพูดคุยด้วยสีหน้าท่าทีที่สุภาพและเป็นมิตรและด้วยเหตุผลอย่างไรก็ตาม เมื่อตัวเขามีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว การพูดด้วยเหตุผลและท่าทีที่เป็นมิตรก็ไม่อาจสร้างบรรยากาศการเจรจาที่เป็นมิตรได้ เขาก็จะหงุดหงิดฉุนเฉียวอยู่ดี จึงต่อว่าท้าทายและทำร้ายผู้อื่นนั่นเอง 4)ขาดความเข้าใจเห็นใจผู้อื่น คนที่ขับรถปาดหน้าคนอื่นแล้วยังไร้มารยาทต่อว่าท้ารบต่ออีกจนเกิดเรื่องนั้น ส่วนใหญ่มักเป็นคนที่ขาดความเมตตากรุณา ขาดความเข้าใจเห็นใจผู้อื่น ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดว่าตัวเองดี ตัวเองถูกแต่เพียงผู้เดียว จึงไม่ใส่ใจเข้าใจและเห็นใจคนอื่นในสังคม 5)อาจป่วยด้วยโรคทางอารมณ์และสมอง การที่ใครบางคนขับรถหรือปฏิบัติในสิ่งที่ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ของสังคมและไม่รักษามารยาทนั้น บางทีคนเหล่านั้นอาจป่วยด้วยโรคทางอารมณ์และสมองที่แปรปรวนก็ได้ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา โรคอารมณ์แปรปรวนที่เขาป่วยอยู่ก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต สร้างปัญหาแก่ทั้งตนเองและผู้อื่นอยู่ร่ำไป 6)ดื่มสุรา เหตุการณ์ทำนองดังกล่าว บ่อยครั้งเมื่อตำรวจเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ก็พบว่าคนที่ขับรถปาดหน้าท้าทายและไร้มารยาทเหล่านั้นดื่มสุราจนเมามายขณะขับรถ จึงขาดสติสัมปชัญญะและอวดเบ่ง เก่งกล้า ท้ารบผู้อื่นแบบคนอันธพาลโดยไร้มารยาทและความถูกต้องทั้งทางกฎหมายและศีลธรรม นั่นคือความผิดปกติหกประการของคนที่มักขับรถปาดหน้าและท้ารบจนเกิดเรื่องราว ดังนั้นท่านคิดหรือ? ว่าเมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้แล้วบีบแตรใส่เขาหนึ่งครั้งคนเหล่านั้นจะได้สติและตีความหมายไปในทางบวก ยากมากที่เขาจะเกิดความคิดด้านดี แต่ตรงกันข้ามเขาจะโกรธและแสดงกริยาที่เกรี้ยวกราดและทารบทวีคูณเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก จึงไม่คุ้มค่าเลยที่จะนำชีวิตและความเป็นคนดีของเราไปแลกกับความผิดปรกติและความเป็นอันธพาลของคนเหล่านั้น ถ้าเช่นนั้นหากเจอเหตุการณ์ดังกล่าวควรทำอย่างไร? คำแนะนำจากนักสุขภาพจิตคือ “ไม่บีบแตรใส่เขาและเราค่อยๆขับรถให้ห่างๆจนเขาขับรถห่างไกลออกจากเราไปในที่สุด” พร้อมทั้งแผ่เมตตาและให้อภัยแก่เขา จะเป็นการยุติปัญหาที่ต้นตอทั้งหมด และหากยังมีปัญหาต่อเนื่องแล้วต้องลงจากรถมาเจรจากันก็ขอให้ตั้งสติให้ดี คุยกับเขาด้วยสีหน้าท่าทีที่สุภาพและเป็นมิตร พร้อมทั้งมองเขาด้วยความกรุณา เพราะคนเหล่านี้มีความผิดปกติทางจิตใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตั้งใจรับฟังสิ่งที่เขาพูด ขอบคุณ ขอโทษชื่นชมและขออภัยในจังหวะที่เหมาะสม ก็น่าจะช่วยคลี่คลายปัญหาได้ และขอย้ำว่าเมื่อถูกขับรถปาดหน้าพึงให้อภัยแผ่เมตตาและอย่าบีบแตรต่อว่าเขาเป็นอันขาด จะยุติปัญหาได้แต่เริ่มต้น และนี้คือวิธีรับมือของคนที่มีสุขภาพจิตดีและมีความฉลาดทางอารมณ์นั่นเอง เครดิต ภาพปกจาก: Free-Photos / pixabay ภาพที่1จาก: valtercirillo / pixabay ภาพที่2จาก: Pexels / pixabay ภาพที่3จาก: WenPhotos / pixabay ภาพที่4จาก: yossiconic / pixabay รศ.ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ นักวิชาการสื่อสารสุขภาพจิตและศาสนาปรัชญา นักเขียนสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มติชน,อมรินทร์ธรรมะ,ซีเอ็ด,ดีเอ็มจีและวิชบุ๊ค ประธานสถาบันพัฒนาบุคลากรwuttipong academy เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !