วิธีเลี้ยงลูก 0-9 เดือนอย่างไรให้เราเหนื่อยน้อยที่สุด สวัสดีค่ะ พบกับ Chicken love mom อีกแล้วนะคะ ผู้หญิงอย่างเราคงต้องผ่านการมีลูกและเลี้ยงลูกมาบ้างแล้วในบางคน บางคนก็เหนื่อยสุด ๆ กับการเลี้ยงลูก แต่บางคนทำไมเขาดูเลี้ยงลูกได้แบบง่ายดาย โดยที่เขามีความสุข การเลี้ยงลูกอยู่บ้านโดยคนเดียว ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจสำหรับคุณแม่หลาย ๆ คนอย่างมาก แล้วตอนนี้ Chicken Love Mom ก็เป็นคุณแม่ลูกอายุ 0-9 เดือน เหมือนกัน หาวิธีทำยังไงที่เราจะเลี้ยงลูก ให้เหนื่อยน้อยที่สุดและมีความสุขกับการเลี้ยงลูก เดี๋ยววันนี้จะมีวิธีมาแนะนำ คุณแม่มือใหม่และคุณแม่ที่กำลังเลี้ยงลูกอยู่ในตอนนี้ จะมีวิธีอย่างไรเดี๋ยวเราตามมาดูกันเลยนะคะ ในแต่ละวันคุณแม่คงเจอกับปัญหาในตัวลูกหลาย ๆ อย่าง เช่น นอนยากบ้าง บางคนก็ร้องโยเยตลอดเวลา เดี้ยวหลับเดี้ยวตื่น กินนอนไม่เป็นเวลา และขี้แงเพราะนิสัยเด็กแต่ละคนในตอนเด็กไม่เหมือนกัน ดังนั้นวันนี้ Chicken love mom จะมีวิธีการแนะนำเทคนิคการเลี้ยงลูกอย่างไร โดยที่เราเหนื่อยน้อยที่สุด เพื่อเป็นแนวทางให้กับคุณแม่นำไปปรับใช้ได้ไม่มากก็น้อยนะคะตามนี้ 1. หัดฝึกให้มีนิสัยการนอนที่เป็นเวลาภาพโดย Chicken love mom ในการฝึกเด็กให้นอนเป็นเวลานั้นเราควรฝึกตั้งแต่เด็กอายุยังน้อย สามารถฝึกได้ตั้งแต่อายุ 0 ถึง 9 เดือน เพราะถ้าเรายิ่งฝึกเร็วเท่าไหร่ก็จะทำให้ คุณแม่เองมีความสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้น เพราะการที่เด็กนอนเป็นเวลา ช่วยให้เราสามารถวางแผนการทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างของเราได้อย่างสะดวกมากขึ้น ปลูกฝังนิสัยของลูกให้รู้จักการนอนเป็นเวลา ซึ่งมันจะมีความเป็นระบบระเบียบที่ดี เพราะลูกจะมีความคุ้นเคยกับการนอนในแต่ละช่วงเวลา คุณแม่ลองนำวิธีนี้ไปใช้กับการฝึกกับลูก ๆ ดูนะคะ พอเราทำได้แล้วเราจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เราจะมีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้นด้วย 2. ฝึกให้ลูกกินนมเป็นเวลาภาพโดย Chicken love mom วิธีนี้เป็นการฝึกอีกวิธีหนึ่งควบคู่กับการนอนของลูกเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเด็กเวลาหิวนมพอกินเสร็จแล้วก็จะนอน ในวันหนึ่งมี 12 ชั่วโมงควรแบ่งช่วงเวลา ในการกินนมให้ลูก โดยในการกินแต่ละครั้งให้กินทุก ๆ 3 ชั่วโมงก็ได้ ดังนั้นใน 12 ชั่วโมง ลูกของเราจะกินนมประมาณ 4 ครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะเกิดความเคยชิน ในระหว่างที่ยังไม่ถึงเวลากินนมเขาหิวก็หากิจกรรมให้เขาทำไปก่อน ปีนี้จะทำให้ลูกกินนมเป็นเวลา มันสะดวกตอนที่เรามีธุระที่จะออกไปทำธุระข้างนอกจะได้รู้ช่วงเวลาการหิวนมของลูกและลูกจะได้ไม่งอแง เราสามารถทำธุระของเราได้อย่างสบายใจ 3. เปลคือตัวช่วยที่ดีในการทำให้ลูกของเรานอนหลับได้นานขึ้น ภาพโดย Chicken love mom วิธีนี้คุณแม่อย่างเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นตัวช่วยที่ดีที่ทำให้ลูกน้อยของเราสามารถหลับได้นานมากขึ้น แต่บางคนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเปลก็ได้แต่เพื่อความสะดวก ก็ขอแนะนำว่าควรมีแบบพกพาสัก 1 ตัวเผื่อเวลาเราเดินทางไปไหนเราสามารถให้ลูกนอนได้ทุกที่ทุกเวลา หรือแม้กระทั่งมีเหตุจำเป็นในเรื่องของสถานที่มันดัง ถ้านอนพื้นอาจจะทำให้ลูกนอนไม่ได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้นเปลนี้แหละจะเป็นตัวช่วยในยามคับขันได้ดี 4. ขณะที่ลูกตื่นควรหาของเล่นที่มีสีสัน มาให้เขาบ้าง ภาพโดย Chicken love mom วิธีนี้จะเป็นการฝึกกระตุ้นทักษะการเรียนรู้ การมอง และการสัมผัส เด็กน้อยในช่วงระยะนี้ ชอบมอง อะไรที่มีสีสันและชอบฟังเสียงถ้าโตขึ้นมาหน่อยก็อาจจะอยากเอามือเข้าไปสัมผัสกับสิ่งนั้นซึ่งเป็นการ ทักษะต่าง ๆ ได้อย่างดีและเป็นการช่วยทำให้เขาได้ออกกำลังกาย และทำให้เขารู้สึกเพลียเมื่อถึงเวลานอน 5. ร้องเพลงหรือเปิดเพลงเบา ๆ ให้เขาฟังในขณะเขาตื่นและทำกิจกรรมภาพโดย Chicken love mom จาก youtube วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีมาก ๆ ที่จะทำให้ลูกน้อยของคุณเป็นเด็กที่อารมณ์ดี ไม่ว่าเราจะร้องเพลงให้ลูกฟังเองหรือเปิดดนตรี เพลง Mozart จาก youtube แบบเบาๆ และในช่วงเวลาที่เราอาบน้ำให้ลูก ร้องเพลงกล่อมลูกน้อยในขณะที่กำลังจะหลับถือว่าเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้นที่จะไปกระตุ้นระบบต่าง ๆ ของสมองลูกน้อยให้มีความคิดสร้างสรรค์ เพราะผลจากการวิจัยบอกว่าถ้าเราเปิดเพลงให้ลูกฟังบ่อย ๆ แบบเบา ๆ จะช่วยให้สมองเขา เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด มีสมาธิ เรียนรู้ได้เร็วขึ้น ในวันหนึ่งก็ลองเปิดให้เขาฟังสัก 2 ช่วงเวลาก็ได้ จะทำให้ลูกน้อยอารมณ์ดีไม่ค่อยจะงอแงซึ่งทำให้เราไม่เหนื่อยไปด้วย สำหรับ 5 วิธีนี้เป็นวิธีการฝึกลูกของ Chicken love mom สามารถนำไปฝึกกันได้ตั้งแต่ 0-9 เดือน พอดีช่วงนี้เป็นเด็กที่กำลังเรียนรู้และฝึกได้ง่าย ๆ บางคนอาจจะรู้อยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้ทำ แต่อยากให้ลอง เปลี่ยนความคิดนิดนึงหันมาลองฝึกสักข้อสองข้อดูแล้วถ้าทำแล้วดี คุณแม่ก็อาจจะทำทั้งหมดนี้ก็ได้ เราจะเหนื่อยน้อยแล้วก็ยังทำให้ลูกของเรามีนิสัยการกิน การนอน การเล่นเป็นเวลามากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อไปในระยะที่เขาโตไปแล้ว วันนี้ Chicken love mom ขอจบการเขียนบทความการหาวิธีช่วยคุณแม่ ๆ แบบนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ ฉบับหน้าเดี๋ยวเจอกันอีกนะคะ บ๊ายบาย...