วันนี้ผมจะมาพูดถึงการเก็บเงินแบบคนญี่ปุ่นให้เพื่อนๆฟังกันครับ สไตล์การเก็บเงินแบบคนญี่ปุ่นเค้าเรียกกันว่า 'คะเคโบะ' ถ้าแปลตามตัวจะเรียกว่า สมุดบัญชีครัวเรือน เพื่อนๆก็พอจะเดากันได้เนาะว่าผมหมายถึงอะไร ก็คือวิธีการเก็บเงินแบบที่คนญี่ปุ่นเค้าทำกันเนี่ย ทำไมผมถึงหยิบเอาเรื่องนี้มาพูด ต้องบอกก่อนเลยครับว่าคนญี่ปุ่นเนี่ยเงินเดือนเค้าไม่ใช่น้อยๆเลยน่ะครับ เด็กจบใหม่ของญี่ปุ่นเงินเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 1แสน - 2แสน เยนต่อเดือน ถ้าแปลงเป็นค่าเงินบาทไทยก็ประมาณ เดือนละ 60,000 บาทกันเลยทีเดียวครับ ซึ่งแน่นอนว่าเงินเดือนมากกว่าเด็กจบใหม่ที่ไทยเยอะมาก เด็กจบใหม่ที่ไทยเริ่มต้นแค่ 15,000 บาท มากกว่าถึง 4 เท่าตัวกันเลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะสูง ค่าครองชีพนั้นก็สูงเช่นเดียวกันในเมืองหลวงอย่างกรุงโตเกียวเค้าใช้เงินกันเดือนละ 30,000 กว่าบาท นั้นก็คือเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้เด็กจบใหม่นั้นเองครับ แล้วที่สำคัญคนญี่ปุ่นอายุยืนมาก อายุเฉลี่ยคือมากที่สุดในโลก อายุเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 85 ปีขึ้นไปอายุไขของเค้าค่อนข้างสูงถ้าเทียบกับคนทั่วโลกที่จะอยู่แค่ 78 ปีขึ้นไปเท่านั้น นั่นหมายความว่าหลังจากเกษียณอายุ 60 ปีเค้าต้องใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีรายได้ไปอีก 25 ปี เวลาที่เราไม่เที่ยวญี่ปุ่นเรามักจะเห็นคนสูงวัยยังคงทำงานบริการอยู่บ้างตามสถานีรถไฟฟ้า เพราะว่ารัฐบาลเค้าก็สนับสนุนให้คนที่ยังพอมีแรงและศักยภาพทำงานเพื่อหารายได้ในวัยเกิน 60 ปีเป็นต้น แต่คำถามคือ แล้วคนญี่ปุ่นเค้าทำยังไงให้มีเงินพอใช้ ทำงาน 35 ปีแต่ว่าต้องใช้เงินในตอนที่ไม่มีรายได้ไปอีก 25 ปี วิธีการนี้อย่างที่ผมบอกไว้ข้างต้นที่เรียกว่า คะเคโบะ คำนี้ถูกคิดค้นมากแล้วกว่า 115 ปี สมุดบันทึกรายรับรายจ่ายเนี่ยแหละครับ ที่จะเป็นไฮไลท์สำคัญที่ทำให้คนญี่ปุ่น แม้จะมีค่าครองชีพสูง แม้อายุไขจะค่อนข้างยาว แต่ก็ยังดำรงชีพอยู่อย่างมีความสุข หลักการของ คะเคโบะ มีอยู่ 4 ขั้นตอนด้วยกันครับ 1. จดบันทึกรายรับของตัวเอง สำหรับมนุษย์เงินเดือนทั่วไปสิ่งนี้คงจะไม่ใช่ปัญหา เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าในแต่ละเดือนเรามีรายได้เท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าใครที่มีรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง เราก็ต้องรวบรวมมาว่าเรามีรายได้มาจากไหนบ้าง เช่น รายได้ช่องทางที่1 เงินเดือนได้เท่าไหร่ งานเสริมอื่นๆอีก เดือนละเท่าไหร่ก็ให้เราจดบันทึกไว้ทั้งหมด จะได้ง่ายต่อการจัดการด้านการเงิน เดือนทั้งเดือนเรามีรายได้ประมาณเท่าไหร่ 2. ระบุค่าใช้จ่ายที่จำเป็น คำว่า ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ก็คือการระบุสิ่งที่เราจะต้องจ่ายทุกเดือน โดยที่ไม่จ่ายไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเน็ต สิ่งเหล่านี้มันคือสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องจ่ายในแต่ละเดือน ดังนั้นให้เราจดบันทึกไว้ได้เลยครับ คำนวณและระบุลงไปเลยว่าในแต่ละหมวดหมู่ เดือนนึงเราต้องจ่ายไปเท่าไหร่ เมื่อเราเขียนเป็นข้อๆ เราก็จะเห็นแล้วว่ารายได้เท่านี้ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเราเท่านี้ แล้วสุดท้ายเรามีเงินเหลือประมาณเท่าไหร่/เดือน 3. การวางแผนเรื่องเงินออม เมื่อเราเห็นแล้วว่าเรามีเงินเหลือเท่าไหร่ เราคงไม่สามารถที่จะเอาเงินทั้งหมดมาเก็บออมได้ เพราะในชีวิตเราก็มีสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ประจำ เพราะฉะนั้นให้เราแบ่งไปก่อนว่าเราต้องการออมเงินเดือนละกี่บาท ในข้อนี้ผมให้ไอเดีย 2 อย่าง 1) เก็บจากเงินที่เหลือ เมื่อเราหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นออกไปแล้วเราเหลือเงินเท่านี้ เราอยากจะออมเท่าไหร่ 2) เก็บ 5-10% ของเงินเดือน ก็ให้เราแยกออกมาไว้ได้เลยครับ 4. แยกรายจ่าย ที่เป็นรายจ่ายจิปาถะออกเป็นหมวดหมู่ เป็นรายจ่ายเพื่อสนองความต้องการของตัวเราเอง เช่น เราต้องการซื้อเสื้อผ้า ซื้อเครื่องสำอางค์ ซื้อรองเท้า ซื้อกระเป๋า หรือไปเที่ยว ให้เราแยกเป็นหมวดหมู่เป็นข้อๆ เหมือนกับขั้นตอนที่ 2 อันนี้แหละครับคือหัวใจสำคัญของศาสตร์การบริหารเงินแบบญี่ปุ่น เค้าจะให้น้ำหนักที่ตรงนี้เป็นเหมือนคะแนน ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าเรามีเงินเหลืออยู่ 3,000 แต่ความต้องการในค่าใช้จ่ายส่วนนี้มีอยู่ประมาณ 10 รายการ ให้เราเลือกไว้เลยว่าเดือนนี้เราอยากจะเอาเงิน 3,000 นี้ไปใช้ส่วนไหนก่อน เช่น เราต้องการซื้อรองเท้าใหม่ ไว้ใส่ไปทำงาน เราก็แยกออกมาประมาณ 500 , เราต้องการไปเที่ยวซักทริป เพื่อเป็นการพักผ่อน ก็แยกออกมาประมาณ 1,000 แล้วเราก็มาดูว่าเราเหลือเงินเท่าไหร่ และเงินส่วนที่เหลือนี้เรามีความจำเป็นหรืออยากจะซื้ออะไรอีกไหม การที่เราแจกแจงค่าใช้จ่ายแบบนี้มันก็จะทำให้เราเริ่มมองเห็นแล้วว่า จุดอ่อนด้านการจัดการการเงินของเราคืออะไร...? เราจะเปลี่ยนตรงไหนได้บ้างหรือถ้าเรารู้สึกว่าเราต้องการอยากจะใช้ แล้วจะใช้โดยแบ่งน้ำหนักไปที่ความต้องการในด้านใดบ้าง เมื่อเราวางน้ำหนักตรงนี้เสร็จแล้ว ทำอย่างนี้ทุกๆ เดือน แบบนี้เป็นการบริหารจัดการเงินที่มีประสิทธิภาพมากๆ และที่สำคัญมันสามารถทำให้เรา Balance การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ คะเคโบะ เป็นศิลปะการออมเงินแบบญี่ปุ่น ฉบับมนุษย์เงินเดือน เป็น 1 ในศาสตร์การออมเงินที่มีประสิทธิภาพในประเทศญี่ปุ่นมาก หัวใจสำคัญของ คะเคโบะ คือการที่เรารู้จักจัดการในเรื่องของค่าใช้จ่าย จัดการ ควบคุม และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เพื่อให้เราสามารถที่จะจัดการด้านการเงินและมีเงินเก็บมากยิ่งขึ้น เป็นยังไงกันบ้างครับกับ ไอเดียศาสตร์การบริหารจัดการด้านการเงินแบบญี่ปุ่น ที่จะทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเราทุกคนได้มีการจัดการด้านการเงินของเราให้เป็นระเบียบวินัยมากขึ้น หากบทความนี้มีประโยชน์ เพื่อนๆก็อย่าลืมแชร์ เพื่อเป็นการส่งต่อความรู้ดีๆ ให้แก่คนอื่นด้วยนะครับ เครดิตภาพหน้าปกโดย Pixabay ภาพที่1 ภาพโดย Steve Buissinne จาก Pixabay เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพที่1 , ภาพที่2 , ภาพที่3 , ภาพที่4 โดย Robert Owen-Wahl จาก Pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !