หากจะกล่าวถึงประเทศที่มีลีกฟุตบอลที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจและติดตามมากที่สุดในโลก แน่นอนว่าแฟนบอลส่วนใหญ่จะต้องนึกถึงลีกฟุตบอลของประเทศอังกฤษ และถ้าจะถามทุกคนว่าการแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอลใดที่มีผู้ชมและกองเชียร์ตั้งหน้าตั้งตารอชมมากที่สุด เชื่อว่าทุกคนจะนึกถึงการแข่งขันระหว่างสโมสรลิเวอร์พูลกับสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างแน่นอน ซึ่งถือว่าทั้งสองสโมสรนี้คือมหาอำนาจหรือยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษเลยทีเดียว และทั้งสองสโมสรได้สร้างประวัติศาสตร์ไว้มากมาย โดยเรื่องที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจเรื่องหนึ่งนั่นก็คือเรื่องราวของศึกวันแดงเดือดนั่นเอง ก่อนจะมาเป็นศึกวันแดงเดือด ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1800 เมืองลิเวอร์พูลและเมืองแมนเชสเตอร์ ต่างมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในด้านเศรษฐกิจโดยเมืองลิเวอร์พูลคือเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ เนื่องจากกว่าร้อยละ 40 ของการเดินเรือในสมัยนั้นจะต้องมาเทียบท่าที่เมืองลิเวอร์พูล ส่วนทางด้านเมืองแมนเชสเตอร์คือเมืองอุตสาหกรรมโดยมีสินค้าสำคัญคือ ฝ้ายดิบ และการที่เมืองแมนเชสเตอร์จะส่งสินค้าไปขายได้จะต้องผ่านเมืองท่าที่เมืองลิเวอร์พูลเท่านั้น โดยความขัดแย้งเริ่มเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำทางเมืองลิเวอร์พูลขึ้นค่าขนส่งมากขึ้น ทางเมืองแมนเชสเตอร์จึงแก้ปัญหาด้วยการขุดคลองออกทะเลเพื่อส่งสินค้าออกไปขายเอง จึงทำให้ชาวเมืองลิเวอร์พูลตกงานกันเป็นจำนวนมาก และนี่คือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งและความเกลียดชังระหว่างสองเมืองนี้ก่อนจะลุกลามไปถึงเรื่องของฟุตบอล Liverpool VS Manchester United : The North West Derby ศึกวันแดงเดือดครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1894 โดยการแข่งขันนัดดังกล่าว ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะไปได้ 2 ประตูต่อ 0 โดยในขณะนั้นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยังใช้ชื่อทีมว่านิวตั้นฮีท ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันในปี ค.ศ. 1902 อันที่จริงแล้วความดุเดือดของการพบกันของ 2 ทีมนี้ เริ่มขึ้นเมือช่วงปี ค.ศ. 1950 – 1970 เพราะทั้ง 2 ทีมนี้ผลัดกันคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 ของอังกฤษกันเป็นว่าเล่น ทำให้ชาวเมืองทั้งสองเมืองต่างคุยโวโอ้อวดใส่กันอย่างดุเดือด แต่ไม่ว่าจะไม่ชอบกันขนาดไหนเมื่อถึงเวลาที่เกิดเหตุยากลำบากขึ้นคนเราก็ต้องช่วยเหลือกัน มิตรภาพของคู่อริ ย้อนไปในปี ค.ศ. 1958 เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมัน ทำให้นักฟุตบอลทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเสียชีวิตไปหลายคน หลาย ๆ ทีมยื่นมือเข้าช่วยเหลือทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด รวมถึงทีมลิเวอร์พูลด้วยเช่นกัน โดยการให้ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยืมตัวนักเตะของทีมลิเวอร์พูลไปใช้งานถึง 5 คนด้วยกัน โดย 2 ใน 5 เป็นนักเตะตัวหลักของทีมลิเวอร์พูล สุดท้ายแล้วความขัดแย้งไม่ว่าจะมาจากไหน ไม่ว่าจะเกิดระหว่างใคร ไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น กีฬาก็เปรียบเสมือนตัวแทนที่ไม่ทำให้ความขัดแย้งนั้นบานปลายมากไปและยังเป็นหนทางให้แสดงออกถึงความมีไมตรีต่อกันได้ด้วย เหมือนดังเพลงท่อนหนึ่งที่ร้องว่า “กีฬา ๆ เป็นยาวิเศษ” ขอบคุณรูปภาพจาก pixabay.com รูปภาพปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 และ standard.co.uk ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5