เครดิตภาพปก Pixabay น่าคิดว่าเราจะมีมุมมองอย่างไรหากวันดีคืนดีเกิดเป็นโรคร้ายที่นาน ๆ จะเป็นกันสักคน จะเรียกโรคนี้ว่า โรค Lou Gehrig หรือ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ก็แล้วแต่ ข้อนั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ เป็นแล้วไม่มียารักษาหายมีแต่จะทำให้ตายอย่างช้า ๆ โรคนี้ทำลายเซลล์ประสาทในไขสันหลังและสมองที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อประเภทที่บังคับได้ คนที่เป็นโรคนี้จะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ นั่นหมายความว่านอกจากจะเดินไม่ได้แล้ว ยังพูดไม่ได้ กลืนกินได้ลำบาก แม้แต่ภาษาใบ้ก็ใช้ไม่ได้ มีแต่ความคิดเท่านั้นที่ยังทำงานได้ ชีวิตที่ถูกโรคร้ายดังกล่าวรุมเร้า จะมีความหมายอะไร? ภาพประกอบโดย Pixabay หลายคนอาจเลือกที่จะตายให้รู้แล้วรู้รอดไปแต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกอย่าง สตีเฟน ฮอคิง โรคดังกล่าวไม่สามารถหยุดยั้งงานคิดงานเขียนทางด้านทฤษฎีเอกภพที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคปัจจุบัน จะเป็นรองก็แต่ไอน์สไตน์ โดยที่เขาได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์แรงโน้มถ่วงที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในขณะที่เขาเคลื่อนตัวไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียว แต่ความคิดของเขาแล่นไปไกลถึงสุดจักรวาล ทั้ง ๆ ที่จับปากกาหรือกดแป้นพิมพ์ไม่ได้ แต่หนังสือของเขากลับกลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ติดอันดับหนังสือขายดีในสหรัฐและอังกฤษติดต่อกันเป็นปี ภาพประกอบ Pixabay ในสายตาของคนภายนอก เขาคือคนป่วยที่ชะตาชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว แต่สำหรับตัวสตีเฟน ฮอคิงเอง เขาคือคนปกติที่โรคร้ายทำอะไรแทบไม่ได้ แทนที่จะตายภายในสองถึงสามปี เขากลับมีชีวิตยืนนานกว่าเพื่อนหลายคนที่มีร่างกายปกติเสียอีก อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว ความจริงอีกครึ่งหนึ่งก็คือ เป็นเพราะโรคนี้เอง สตีเฟน ฮอคิง จึงกลายเป็นคนของโลกแทนที่จะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่ชอบเล่นมากกว่าเรียน อันเป็นบุคลิกของเขาก่อนจะเป็นโรค ต่อเมื่อความตายส่งสัญญาณเพรียกหาแล้วนั่นเอง เขาจึงได้คิดว่ามีสิ่งดีงามหลายอย่างที่เขาสามารถทำได้และถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำเสียที นั่นคือจุดเปลี่ยนชีวิตของหนุ่มวัย 21 เมื่อ 35 ปีที่แล้ว สำหรับคนที่คิดว่าความทุกข์ของตนนั้นยิ่งใหญ่นัก บางทีการนึกถึงเคราะห์กรรมของคนอย่าง สตีเฟน ฮอคิง อาจทำให้ตระหนักว่า แท้ที่จริงความทุกข์ของตนยังเล็กน้อยมาก จะว่าไปแล้ว มุมมองเช่นนี้แหละที่ทำให้ สตีเฟน ฮอคิง ประคองใจผ่านโรคร้ายนี้มาได้ เมื่อเขาเห็นเด็กบนเตียงตรงข้ามตายด้วยโรคลิวคีเมีย สิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจก็คือ ความรู้สึกว่ายังมีอีกหลายคนที่ลำบาก กว่าเขามาก "เมื่อใดก็ตามที่ผมรู้สึกสงสารตัวเอง ผมจะนึกถึงเด็กคนนั้น" -สตีเฟน ฮอคิง- เรื่องราวของสตีเฟน ฮอคิง ทำให้เราได้รู้ซึ้งถึงการไม่ย่อท้อต่อชีวิต ซึ่งนั่นคือแนวคิดของเขา สตีเฟน ฮอคิงได้กล่าวไว้ว่า "อย่าคิดว่าจะทำสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เพราะความพิการ อย่าท้อใจกับสิ่งอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามารบกวน และทีสำคัญอย่าให้จิตวิญญาณพิการเหมือนเช่นร่างกาย" ภาพประกอบโดย Pixabay เรื่อง Jedz