( cr. unsplash ) ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าไม่หลายวันที่ผ่านมานี้ ข่าวคราวที่เป็นที่สนใจในสื่อสังคม คงไม่พ้นเรื่องของแรงงานไทยที่ไปทำงานยังประเทศเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า 'ผีน้อย' กลายมาเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจ โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้ โรคไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ระบาดในหลายประเทศ รวมไปถึงเกาหลีใต้ คนต่างพากันยกเลิกเที่ยวบิน งดท่องเที่ยวไปยังประเทศประเทศเกาหลีใต้ ใครที่ได้เดินทางไปนั้นจำเป็นต้องโดยกักตัวอยู่บ้าน 14 วันเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่มีเชื้อไวรัสกลับมาแพร่ยังคนอื่น พวกผีน้อยเกาหลีก็จำเป็นต้องทำตามกฎระเบียบการควบคุมโรค แต่อะไรที่ทำให้เรื่องนี้กลายมาเป็นกระแสดราม่า จนเป็นกระแสว่า ไม่ควรรับกลับมาในประเทศเพราะขาดจิตสำนึก วันนี้มาติดตามเรื่องราวของประเด็นผีน้อยเกาหลี ว่าเราจะมีการจัดการอย่างไร เพื่อรักษาทั้งคนในประเทศ และดูแลพวกเขา เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ แรงงานเหล่านั้นก็ขึ้นชื่อว่าเป็น คนไทย ( cr. unsplash ) ผีน้อยนั้นเป็นศัพย์เฉพาะที่ใช้เรียก กลุ่มแรงงานที่แอบไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้ช่องว่างของวีซ่าท่องเที่ยวที่อยู่ได้ 90 วันโดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าไปก่อน และถือโอกาสโดดวีซ่าอยู่ยาว โดยเมื่อเดินทางไปถึงแล้วก็ได้แอบไปทำงานเลยกำหนดวีซ่า ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เนื่องจากมีการกวดขันจับแรงงานผิดกฎหมาย แต่ก็ยังมีแนวโน้มมากขึ้นทุกปี โดยตามสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า มีแรงงานผิดกฎหมายมากถึง 140,000 คนที่แอบทำงานอยู่ในเกาหลีใต้ เหตุจูงใจที่ทำให้คนเหล่านี้ตั้งใจแอบไปทำงานคงเป็นเพราะค่าแรงที่สูง ค่าครองชีพสูงของประเทศเกาหลีใต้ทำให้ผีน้อยสามารถทำเงินได้มากกว่าค่าแรงในไทย รวมไปถึงการขาดแรงงานตามโรงงาน งานใช้แรงงาน และบางจำพวกก็แอบไปขายบริการร่วมอยู่ด้วย ( cr. กรมควบคุมโรค ) เกาหลีใต้อยู่ในประเทศเสี่ยงของกรมสาธารณสุขที่ประกาศให้คนงดเดินทางไปยังประเทศดังกล่าว ซึ่งเคสของเกาหลีนั้น ได้เพิ่มอย่างรวดเร็วจากกรณีคุณป้าในเมืองแทกู ( Daegu ) ที่เดินทางไปร่วมพิธีในวัด จนเกิดการติดเชื้อเป็นร้อย ๆ รายภายใน24 ชั่วโมง ซึ่งยอดติดเชื้อ 5,766 ราย 60% นั้นอยู่ในเมืองแทกู จนทำให้ต้องปิดเมือง และควบคุมการขยายเป็นวงกว้าง ยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นนอกจากจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในประเทศ ยังส่งผลต่อบริษัทต่าง ๆ ภาคผลิต และร้านรวงที่ต้องปิดตัวลง คนหยุดงาน ให้อยู่กับบ้าน รวมไปถึงผีน้อยที่ขาดรายได้แถมยังต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จึงพากันไปรายงานตัวขอกลับบ้านยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีมากกว่า 5,000 คนแล้ว ( cr. pixabay ) บางส่วนนั้นได้กลับมาถึงประเทศไทย แต่ยังออกไปยังที่สาธารณะโดยไม่กักตัวอยู่ในบ้าน 14 วัน ทางกรมสาธารณสุขได้ประกาศว่าหากพบเจอ สามารถแจ้งสายด่วน กรมควบคุมโรค 1422 ได้ทันที เพราะเป็นสิ่งที่ควรกระทำและปฏิเสธไม่ได้ และส่วนที่กำลังทยอยกลับมายังประเทศไทยต้องเข้าระบบคัดกรองอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะผู้ที่มาจางเมืองที่ผู้ติดเชื้อสูง จากรายงานมีผู้มีไข้ น้ำมูก ตัวร้อนจำนวน 19 ราย จำเป็นต้องกักไว้ดูอาการ จาก 160 คนที่เดินทางมาถึงยังท่าอากาศยาน ในส่วนคนที่ปล่อยตัวไปจำต้องกักตัวเองอยู่ในบ้าน 14 วัน ห้ามออกไปในที่สาธารณะ เพื่อลดโอกาสแพร่กระจายของเชื้อแก่คนอื่น ( cr. pixabay ) ในส่วนของท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งให้กักตัวคนที่ผ่านการคัดกรองว่าไม่มีไข้ ไม่ให้กลับไปอยู่ที่บ้าน แต่ให้อยู่ยังสถานที่รัฐบาลจัดไว้ซึ่งจะหารือกันอีกทีว่าจะเป็นในกองทัพ หรือ โรงพยาบาลประจำพื้นที่ รวมถึงมีแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดในระยะเวลา 14 วัน หลังจากมีกระแสดราม่าของผีน้อยที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงที่ยังออกไปใช้ชีวิตตามปกติข้างนอกโดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของคนรอบข้าง ว่าจะมีโอกาสติดเชื้อไปด้วยหรือไม่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคระบาดไวรัส COVID-19 บนกรมควบคุมโรค https://ddc.moph.go.th/ ( cr. กรมควบคุมโรค )