ชาถือเป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างกว้างขว้าง ซึ่งสรรพคุณหลักๆ ที่เราพอจะทราบกันอยู่แล้ว นั่นก็คือ ชามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และช่วยลดไขมันในร่างกายได้ แต่ชาไม่ได้มีดีเพียงแค่นั้น เพราะชายังสามารถช่วยให้สมองของคุณแข็งแรงขึ้นได้ ในสมัยก่อนที่การดื่มชายังไม่เป็นที่นิยมในหมู่คนทั่วไป พระสงฆ์นิกายเซนมักนิยมดื่มชาเพื่อช่วยในการทำสมาธิ และต่อมาในแวดวงวิทยาศาสตร์ก็ได้ทำการวิจัยเพิ่มเติมและค้นพบว่าสรรพคุณของชาดีต่อสมองอย่างไรบ้าง ชาป้องกันโรคอัลไซเมอร์- มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ศึกษาจากนิสัยการดื่มชาของผู้สูงวัยที่มีอายุ 55 ปี ขึ้นไป โดยพบว่าผู้ที่ดื่มชาเป็นประจำนานกว่า 10 ปี มีความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมน้อยลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ดื่มชาเลย และยังพบอีกว่าผู้ที่ดื่มชาได้ถึงวันละ 3 แก้ว ลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ได้มากถึง 64 เปอร์เซนต์ ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยที่มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ โดยพบว่าการดื่มชาสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยา เบต้า-ซีเครเทส ที่เป็นสาเหตุของการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ดื่มชาแล้วสมาธิดี ความคิดเป็นระเบียบ- L-Theanine เป็นสารสำคัญในใบชา ซึ่งมีส่วนช่วยให้สมองปล่อยคลื่นสมองอัลฟ่า และลดการปล่อยคลื่นสมองเบต้าไปในตัว ส่งผลให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด จิตใจสงบ สมาธิดีขึ้น และมีความคิดที่เป็นระเบียบมากขึ้นดื่มชาเพิ่มความคิดสร้างสรรค์- เนื่องจากการดื่มชาช่วยให้เรามีสมาธิกับสิ่งที่ทำมากขึ้น และปรับคลื่นสมองให้ตึงเครียดน้อยลง จึงส่งผลต่อการทำงานของระบบความคิดสร้างสรรค์ เพราะความคิดสร้างสรรค์ต้องอาศัยสมาธิในการคิดค่อนข้างมาก ไอเดียต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ต้องอาศัยระยะเวลาในการคิดค่อนข้างนาน ดังนั้นสมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความคิดสร้างสรรค์ และการดื่มชาสามารถช่วยให้สมองของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โลกยุคดิจิทัลมีแนวโน้มทำให้คนมีสมาธิที่สั้นลง เนื่องจากความรวดเร็วของโลกปัจจุบัน ทำให้สมองของเราเปิดรับหลายสิ่งหลายอย่างภายในเวลาเดียวกัน ลองสังเกตดูว่าตอนเราเปิดคอมพิวเตอร์ เราใช้กี่โปรแกรม กี่หน้าต่าง และไหนจะต้องเปิดเว็บไซต์ Facebook Youtube และต้องคอยเช็ค Line ตลอดเวลา ส่งผลให้สมองของเราต้องวิ่งสับเปลี่ยนความสนใจอยู่ตลอดเวลา พอนานวันเข้าจึงเกิดเป็นความเคยชินของสมอง ทำให้เริ่มมีอาการหลงลืม จดจ่ออะไรนานๆ ไม่ได้ ดังนั้นเราอาจต้องหันกลับมาใส่ใจกับสมองของเราบ้าง ก่อนที่มันจะอ่อนล้าและหยุดพักการทำงาน (ปล. ถ้าคุณยังอ่านมาได้ถึงตรงนี้ แสดงว่าสมองของคุณยังใช้สมาธิจดจ่อได้ดีเยี่ยม )ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabayรูปประกอบที่ 1 / รูปประกอบที่ 2 / รูปประกอบที่ 3 / รูปประกอบที่ 4 /