ภาพหน้าปกถ่ายโดยผู้เขียน การศึกษาเรื่องตำรายาสมุนไพรนั้น เป็นเรื่องที่ควรให้การสนับสนุนส่งเสริม เพราะในบ้านเรานั้นเป็นแหล่งสมุนไพรนานาชนิด และถูกนำมาใช้เป็นยารักษาอาการมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันนี้ผู้คนเริ่มไม่ค่อยรู้จักสมุนไพรต่าง ๆ เท่าไรนัก ทำให้สมุนไพรกลายเป็นเรื่องไกลตัวของคนในปัจจุบัน ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ในอนาคตพืชสมุนไพรและวิชาความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรต่าง ๆ อาจสุญหายไป ผู้เขียนจึงพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรชนิดต่าง ๆ เพื่อมาเผยแพร่ข้อมูลให้กับท่านผู้อ่านได้รู้จักถึงรูปร่างลักษณะ และสรรพคุณของยาสมุนไพรแต่ละชนิด เพื่อให้ทุกท่านหันมาสนใจเกี่ยวกับพืชสมุนไพรมากขึ้น ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนได้นำข้อมูลของสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่นับว่ามีคนรู้จักน้อยแล้วในปัจจุบัน นั่นก็คือ “เพชรสังฆาต” สมุนไพรโบราณอีกหนึ่งชนิด ที่มีสรรพคุณในการรักษาอากรต่าง ๆ ได้หลายอาการ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน “เพชรสังฆาต” เป็นไม้เถา เถาอ่อนสีเขียวเป็นสี่เหลี่ยมเป็นข้อต่อกัน ใบเป็นใบเดี่ยวรูปสามเหลี่ยม แผ่นใบเรียบสีเขียวเป็นมัน ออกเรียงสลับตามข้อต้น ปลายใบมน โคนใบเว้า ขอบใบหยักมนห่าง ๆ ก้านยาว 2-3 เซนติเมตร ดอกเป็นสีเขียวอ่อน ออกเป็นช่อตามข้อตรงข้ามกับใบ กลีบดอกมี 4 กลีบ โคนด้านนอกสีแดง ด้านในเขียวอ่อน เมื่อดอกบานเต็มที่จะงองุ้มไปด้านล่าง ที่ดอกมีเกสรเพศผู้ 4 อัน ผลเป็นรูปทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีแดงออกดำ ในผลมีเมล็ดกลมสีน้ำตาล 1 เมล็ด ภาพถ่ายโดยผู้เขียน สรรพคุณของ “เพชรสังฆาต” สามารถใช้รักษากระดูกแตกและหัก รักษาริดสีดวงทวาร แก้ลักปิดลักเปิด แก้ปวดประจำเดือน แก้หูน้ำหนวก ขับน้ำเหลืองเสีย รักษาโรคลำไส้ ตอนเด็ก ๆ ผู้เขียนเคยเห็นปู่รักษาอาการคนเป็นโรคริดสีดวง โดยการในส่วนของลำต้นสด ๆ มาตัดเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วยัดเข้าใบในผลกล้วยน้ำว้าสุก จากนั้นให้ผู้ป่วยกินเคี้ยวกินสด ๆ ปู่บอกว่าจะยัดเข้าไปในกล้วยสุกหรือมะขาเปียกก็ได้ เพราะถ้าหากกินเฉพาะต้นสด ๆ อย่างเดียว จะทำให้คนที่กินเกิดอาการคันปากได้ และเมื่อกินไปได้ประมาณ 10-15 วันอาการก็จะดีขึ้น หรือจะใช้วิธีนำส่วนของต้นที่ตากจนแห้งแล้ว มาบดเป็นผงใส่เข้าไปในแคปซูล ใส่แคปซูลเบอร์ 2 ขนาด 250 มิลลิกรัม รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและช่วงก่อนนอน รับประทานไปสัก 1 สัปดาห์อาการก็จะดีขึ้น ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าการใช้ยารักษาริดสีดวงไม่ว่าจะเป็นด้วยยาแผนปัจจุบันหรือยาสมุนไพร ก็สามารถรักษาอาการได้ในระยะเบื้องต้นที่อาการยังไม่หนักมาก แต่สำหรับผู้ที่มีอาการหนักมากแล้วจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น นอกจากทีผู้เขียนเคยเห็นปู่นำต้น “เพชรสังฆาต” มาใช้รักษาอาการริดสีดวงแล้ว ปู่ยังเคยนำส่วนใบและรากสด ๆ มาตำผสมกับปูนแดงมาพอกรักษาคนที่กระดูกหักเพื่อช่วยสมานกระดูกด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงสรรพคุณส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้ “เพชรสังฆาต” ซึ่งก็ยังสามารถนำมาใช้แก้อาการอื่น ๆ ได้อีกหลายชนิด หากท่านใดต้องสนใจก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ และผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะทำให้ทุกท่านหันมาสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยมากขึ้น ภาพถ่ายโดยผู้เขียน